พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การดำเนินการกับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และวัดพระธรรมกาย ว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ กำลังประสานหาความร่วมมือระหว่างรัฐ กับทางวัดให้ได้ ว่าจะมีทางออกกันอย่างไร เพราะทางรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ก็มีกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ ทางวัดเองก็เป็นเรื่องของความเชื่อมั่น และความศรัทธา ซึ่งต้องหาทางออกร่วมกัน โดยในวันนี้ (28 ก.พ.) ได้สั่งให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไปพิจารณาหาทางออกร่วมกับพระ อย่างไรก็ตามกฎหมายก็คือกฎหมาย ต้องการให้ทุกอย่างเกิดความสงบเรียบร้อยให้เร็วที่สุด เพราะมีผลกระทบกับอย่างอื่นด้วย "ผมเองก็ไม่อยากทำให้ทุกคนเดือดร้อน ไม่อยากทำให้พระสงฆ์เดือดร้อนทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องของกฎหมาย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างกระแสว่า มีกลุ่มมุสลิมอยู่เบื้องหลังกรณีดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มผู้ไม่หวังดี เรื่องนี้คงไม่ต้องมาถามตนเอง ขณะนี้รัฐบาล กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ร่วมมือกันแก้ปัญหาภาคใต้ ดูแลชาวไทยมุสลิมให้มีความสุข วันนี้ขอร้องว่าอย่าไปกดดันซึ่งกันและกัน เพราะประเทศไทยจะปล่อยให้เกิดปัญหาระหว่างไทยพุทธ กับไทยมุสลิมไม่ได้ เพราะทุกคนต่างก็เป็นคนไทยทั้งสิ้น หลายเรื่องที่ออกมาทุกวันนี้อยากให้ทุกคนทบทวน และดูข้อเท็จจริง
"ตัวอย่างเช่น มีการปล่อยข่าวว่าผมเปลี่ยนศาสนาแล้วจากไทยพุทธ เป็นไทยมุสลิม และการดำเนินการต่าง ๆ ก็เพื่อต้องการยึดพื้นที่ให้กับชาวไทยมุสลิม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงคิดกันไปได้ขนาดนั้น ผมจะทำไปเพื่ออะไร และเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ระหว่างที่มีปัญหาอยู่นี้ก็มีการปล่อยข่าวว่า รัฐบาลตัดงบในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทุกคนก็รู้ว่าไม่เป็นความจริง แต่ก็ยังมีสถานีโทรทัศน์หลายช่องไปเสนอข่าว แม้ค่าใช้จ่ายรายหัวจะเพิ่มขึ้นทุกปี แต่รัฐบาลนี้ก็จ่ายให้ทั้งหมด จะไปยกเลิกได้อย่างไร ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คิดแปลก ๆ เช่นนี้ ขอให้ดูความเป็นไปได้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน แล้วถึงตัดสินว่าควรเชื่อหรือไม่"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของการออกคำสั่งใช้มาตรา 44 นั้น ก็เป็นกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีอำนาจอยู่แล้ว ทั้งในส่วนของกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ในส่วนของกฎหมายอาญา หากใครหนีคดีเจ้าหน้าที่ก็สามารถเข้าไปจับกุมได้ สามารถใช้กำลังเข้าไปจู่โจมจับ ยึด ต่อสู้ หากมีการใช้อาวุธ แต่ในสถานการณ์คนหมู่มาก 2-5 พันคน ท่ามกลางคนหมู่มากเช่นนี้เป็นลักษณะการใช้กฎหมู่ มาสู้กับกฎหมาย แล้วทุกคนก็ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว เรียกร้องว่าเมื่อไรจะทำสักที ตนก็อยากถามกลับว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร วันนี้ก็ต้องหาวิธีการพูดคุยกันให้ได้มากที่สุดว่า เราจะลดการใช้มาตรา 44 ได้อย่างไร ซึ่งก็ต้องพึ่งกันทั้ง 2 ฝ่าย ขอให้เราเข้าไปตรวจค้น โดยไม่มีการขัดขวางในทุกพื้นที่ เพราะมีพยานหลักฐานจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นงานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เถรสมาคม องค์กรสงฆ์ องค์การสิทธิมนุษยชน ตอนนี้ก็รอกันอยู่ และเข้าไปร่วมทำงานด้วยทุกวัน โดยมีตัวแทนเข้าไป
"ผมเองก็พยายามระมัดระวังอย่างเต็มที่ ก็เชิญทุกคนให้มาอยู่ที่วัด ซึ่งเขาก็ดูอยู่ ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศก็ติดตาม และชี้แจงไปยังต่างประเทศ ซึ่งผมได้สั่งการแล้วว่าให้แปลทั้งภาษาไทย และอังกฤษ ซึ่งสถานทูตต่าง ๆ ในประเทศก็รับเรื่องไป และชี้แจงทำความเข้าใจว่าขณะนี้เราใช้มาตรา 44 อย่างไร เกิดสถานการณ์อะไรขึ้น และวันเดียวกันนี้ผมได้สอบถามไปยังต่างประเทศที่มีข่าวว่ามีการเคลื่อนไหวขององค์กรพุทธศาสนาที่เกาหลีใต้ จริงหรือไม่ ซึ่งเขาก็ชี้แจงกลับมาว่าไม่ใช่ เป็นการประชุมพุทธศาสนาโลกอยู่แล้ว ก็มีใครสักคน ซึ่งไม่รู้ว่าพวกใครไปหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา แต่ไม่ได้มีการนำเข้าไปหารือในที่ประชุม เป็นการเอาออกมาพูดกันข้างนอกกันใหญ่โต อีกทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตก็ได้เช็ครายละเอียดมาแล้ว เช่นเดียวกันกรณีที่มีข่าวว่ากลุ่มชาวพุทธเมียนมาชาตินิยมชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประณามความพยายามปิดล้อมวัดพระธรรมกายของรัฐบาลไทยนั้น ผมได้ประสานไปทางเมียนมาแล้ว ก็เข้าใจกันดีว่าไม่ใช่อย่างนั้น อย่างนี้ เราไม่ได้ใช้กำลังอะไรเลย ประเด็นทุกคนต้องเข้าใจว่าเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมายที่ใด ๆ ก็ตาม กฎหมายจำเป็นต้องเข้าไปให้ถึง อย่างลืมว่ากฎหมายนั้นครอบคลุมทุกตารางนิ้วของประเทศไทย อันไหนที่ทำได้จับได้ก็จบ อันไหนทำยังไม่ได้ก็ยังไม่จบ ผมถึงพูดเสมอว่าอย่างทำผิดกฎมาย ถ้าทำผิดกฎหมายแล้วบอกว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะยังไม่ได้ใช้ความรุนแรงอะไรสักอย่าง ปกติถ้ามีการดำเนินการจับกุมแล้วมีการต่อสู้เจ้าพนักงานก็ต้องโดนหนัก หากมีการใช้อาวุธมาเจ้าหน้าที่ก็สามารถใช้อาวุธได้ แต่วันนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ยังไม่เห็นมีอาวุธสักชิ้นเลย เพราะฉะนั้นขอร้องว่าอย่าไปทำอะไรให้วุ่นวาย จะต้องหาทางออกด้วยการพูดคุยกันให้ได้ แต่ต้องเป็นการพูดคุยภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่จะพูดคุยแล้วต้องยกเลิกไม่มีกฎหมาย ไปพูดคุยไปตกลงกันเองมันไม่ได้ กฎหมายของบ้านเมืองก็ต้องเป็นไปตามนั้น และหวังว่าสถานการณ์จะเรียบร้อยด้วยเร็วไว เพราะมีหลายเรื่องที่จะต้องปฏิรูป"นายกฯ กล่าว
แสดงเพิ่ม