ผบ.ตร. ชี้ "ชัยภูมิ" พัวพันยาเสพติด-รองโฆษกแจงเปิดวงจรปิดไม่ได้ หากกระทบรูปคดี

ผบ.ตร. ชี้ "ชัยภูมิ" พัวพันยาเสพติด-รองโฆษกแจงเปิดวงจรปิดไม่ได้ หากกระทบรูปคดี

รับชม 534 ครั้ง|
2
ไม่ชอบ
แชร์
newsplusth
4,971 วิดีโอ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมือง วิสามัญ นายชัยภูมิ ป่าแส อาย 21 ปี นักกิจกรรมชาติพันธุ์ล่าหู่ ประธานเครือข่ายเยาวชนต้นกล้า ฐานครอบครองยาเสพติด โดยอ้างว่ามีการต่อสู้ขัดขืนและพยายามปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผานมาว่า ในส่วนที่สังคมโซเชียลมีเดียเรียกร้องให้มีการเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุให้สาธารณชนรับรู้นั้น เรื่องนี้อยู่ในส่วนของพนักงานสอบสวนอยู่แล้ว พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ดูแลอยู่ ซึ่งจะนำหลักฐานตรงนี้ไปรวบรวมกับพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งตนกำชับให้ทำคดีตรงไปตรงมา เรื่องนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ไม่หนักใจที่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งเป็นคดียาเสพติดทั่วไป เจ้าหน้าที่ไม่ยิงเขา เขาก็ยิงเจ้าหน้าที่ อันนี้พูดตามหลักกว้าง ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้มาตัวเปล่าอยู่แล้ว ภาพรวมมันเป็นแบบนี้กรณีนี้ ผบช.ภ.5 รายงานมาว่านายชัยภูมิ มีประวัติ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษตร. กล่าวว่า กรณีที่สังคมเรียกร้องให้ทางตำรวจเปิดภาพวงจรที่ที่เกิดเหตุนั้น ตามหลักการพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหลายทั้งปวงเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพยานในรูปแบบใดรูปแบบของบุคคลพยานเอกสารพยานหลักฐานอื่นๆ อะไรที่สามารถพิสูจน์ว่าเป็นการกระทำความผิดตำรวจก็ต้องดำเนินการ ซึ่งการเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดหรืออะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในสำนวนอะไรก็ตามที่เปิดเผยแล้วกระทบรูปคดีก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ ทุกอย่างมีหลักการและแบบแผน อย่างไรก็ตามทางกองทัพไม่ได้ส่งสัญญานอะไรมา เพราะการสืบสวนสอบสวนเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนไม่มีการก้าวก่ายอยู่แล้ว ในส่วนของตำรวจรับผิดชอบการทำคดี3 ส่วน คือ 1.เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติด 2.คดีเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพ เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ และคดีที่ 3. เป็นเรื่องของทหารที่วิสามัญโดยอ้างว่ากระทำไปตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งการดำเนินคดีทั้ง3ส่วนจะดำเนินการไปตามกฎกรอบของกฎหมายที่กำหนดไว้ จึงมีกรอบระยะเวลาอยู่แล้วส่วนพนักงานสอบสวนจะสั่งฟ้องหรือไม่อย่างไรอยู่ที่การพิจารณาพยานหลักฐาน
แสดงเพิ่ม