หุ้นไทยระยะสั้นยังผันผวน แต่ระยะยาวยังสดใส เลือกหุ้น PSL เป็น TOP PICK ให้ทยอยสะสม
AIRA มองว่าดัชนีบ้านเราในเดือนนี้ลงไปแตะใกล้จุดต่ำสุดของปีนี้ ที่บริเวณ 1,760 จุด หลังเดือนก.พ. ดัชนีขึ้นไปจุดสูงสุดที่ 1,850 จุด นอกเหนือจาก FED มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาแล้ว ยังได้รับปัจจัยลบจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะความกังวลต่อการทำสงครามการค้า
เรื่องสงครามการค้่นั้นคุกรุ่นขึ้นมาเมื่อสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้า จากจีน วงเงิน 60,000 ล้าน USD ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเทคโนโลยี หลังจากก่อนหน้าที่สหรัฐฯ ก็ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ( 25% และ 10% ) แต่ยกเว้นบางประเทศ เช่น แคนาดา, Mexico, EU, ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา บราซิล และเกาหลีใต้
ขณะที่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับปัจจัยลบจากหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังธนาคารขนาดใหญ่ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียม สำหรับการทำธุรกรรมผ่าน Internet Banking มีการประเมินว่าอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง และมีผลทำให้กำไรสุทธิลดลง 5 – 10% ซึ่งกดดันดัชนี
ประเด็นต่างประเทศ ที่ผ่านมาตลาดโฟกัสไปที่เรื่องการค้าระหว่างประเทศ หลังมีมาตรการตอบโต้จากจีนในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ วงเงิน 3,000 ล้าน USD แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นหลังเริ่มมีแผนการเจรจา เพื่อลดความขัดแย้งลง ซึ่งมองเป็นสัญญาณที่ดี ที่สุดท้ายผลการเจรจาออกไปแนวทางประนีประนอม อย่างไรก็ตามการเก็บภาษีของสหรัฐฯ กับสินค้าของจีน คาดบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน
ส่วนปัจจัยในประเทศ ในระยะสั้นเรามองปัจจัยกดดันเฉพาะกลุ่มมากกว่า เช่น กลุ่มธนาคาร ที่ผลการดำเนินงานได้รับผลกระทบจากการทยอยประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียม หรือ กลุ่มโรงกลั่น ที่ได้รับปัจจัยกดดัน หลังคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง) มีแนวคิดให้ปรับสูตรโครงสร้างการคิดคำนวณราคาเชื้อเพลิงหน้าโรงกลั่นใหม่ เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมัน โดยจะมีการหารือกันอีกครั้งในการประชุม กบง.วันที่ 5 เม.ย.นี้ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อค่าการกลั่น ( Gross Refinery Margin – GRM ) นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับปัจจัยกดดันงานประมูลโครงการใหญ่ๆ มีความล่าช้า
แต่อย่างไรก็ตามคาดเริ่มเห็นแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1 ซึ่งจะเริ่มจากกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศกลางเดือนหน้า หลังจากนั้นต่อด้วยกลุ่ม Real Sector จนถึงกลางเดือน พ.ค.
ส่วนประเด็น Fund Flow โดยเฉพาะแรงขายสุทธิของต่างชาติที่มีมาตลอด YTD กว่า 55,000 ล้านบาท ยังได้รับการชดเชยจากยอดซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศที่มีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา พร้อมกับภาพรวมในระยะกลาง – ยาว จากแนวโน้มเศรษฐกิจบ้านเรา ล่าสุด ธปท. เพิ่มเป้าหมาย GDP ในปีนี้เป็น 4.1% จากเดิมที่ 3.9% ซึ่งสอดคล้องกับสภาพัฒน์ฯ และ สศค.
ด้านราคาน้ำมัน เรายังคงมุมมองราคาน้ำมันในปีนี้ช่วง 60 – 70 USD ซึ่งยังเป็นระดับที่ดี โดยการปรับขึ้นของราคาน้ำมันอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากยังคงถูกกดดันด้วยปริมาณผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น มีการคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน ( Shale oil ) - เม.ย. เพิ่มขึ้น 131,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 6.954 ล้านบาร์เรล/วัน
จากก่อนหน้านี้ EIA ปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วัน ภายใน 4Q/61 ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซีย และเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก หลังสหรัฐฯ ผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันกลุ่มโอเปกและรัสเซีย เตรียมทำข้อตกลงระยะยาวในการร่วมมือกันจำกัดการผลิตน้ำมันในช่วงหลายสิบปีข้างหน้า ซึ่งหุ้นในกลุ่มพลังงานที่น่าสนใจ ยังเป็น PTT และ PTTEP
หุ้นไทยสัปดาห์หน้า ไอร่า คาดว่ามีความผันผวนตามปัจจัยทั้งต่างประเทศและในประเทศ ที่ยังมีความไม่แน่นอน การปรับขึ้นอาจเป็นไปอย่างจำกัด เรามองกรอบล่างที่ 1,760 ถัดไป 1,750 และ 1,730 ตามลำดับ
กลยุทธ์จึง แนะนำหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 1 ออกมาดี เช่น
(1) PTTGC ภายใต้ธุรกิจการกลั่น จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นจาก 1Q/60 และธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์
ได้รับประโยชน์จากจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น
(2) SCC คาดส่วนต่างผลิตภัณฑ์ทั้ง PE และ PP ใน 1Q/61 เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy และสูงสุดในรอบ 3 ปี ล่าสุด (12/3/61) อยู่ที่ 855 USD/ตัน และ 735 USD/ตัน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการ Restock ขณะที่ Supply ใหม่ๆ ที่เข้ามา มีความต้องการรองรับ พร้อมกับราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
(3) CPN ที่คาด 1Q/61 จะกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ภายใต้การรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของ 2 ศูนย์การค้าใหม่ (มหาชัย และโคราช) ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อ 4Q/60 ที่ผ่านมา และการกลับมาเปิดให้บริการเต็มพื้นที่อีกครั้งของศูนย์ฯ พระราม 3 หลังเสร็จสิ้นการปรับปรุง
ส่วน Top Pick ที่ AIRA นำเสนอในวันนี้ แนะนำเป็น “ PSL “ “เป็นโอกาสในการสะสมหุ้น” ภายใต้ความน่าสนใจ
คาด 1Q/61 เป็นช่วง Low Season ที่ปกติเรือใหม่มักเข้าสู่อุตสาหกรรมในช่วง ม.ค. รวมถึงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน และผลกระทบจากการลดกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมหนักของจีนเพื่อควบคุมมลพิษที่จะจบมาตรการลงใน มี.ค. ทำให้คาดผลประกอบการของ PSL จะเร่งตัวขึ้นได้อีกครั้งใน 2Q/61 ทำให้มองว่า“เป็นโอกาสในการสะสมหุ้น”
คาดปี’61 ภาวะอุปสงค์ – อุปทาน เข้าสู่สมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะ % Orderbook เรือ Handysize และ Supramax ซึ่งเป็นเรือหลักของ PSL อยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี และ 13 ปี ที่ 7.8% และ 1.7% ตามลำดับ สอดคล้องกับที่ประเมินว่า Supply ของเรือเทกองในปี’ 61 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1%
ขณะที่ Demand เติบโตในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก ประมาณ 3% พร้อมประเด็นด้านกฏเกณฑ์ คาดเป็นปัจจัยเร่งให้ Supply ส่วนเกินออกจากอุตสาหกรรมในช่วง 2 - 3 ปีข้างหน้า คาดปี’61 พลิกมีกำไรปกติ ประมาณ 291 ล้านบาท และคาดโดดเด่นในปี’ 62
ประเมินราคาเป้าหมายปี’61 ที่ 18.00 บาท
แสดงเพิ่ม