รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 726 TMB SET50 FUND : 17 ปี ของความสำเร็จสู่ผู้ลงทุน | TMBAM

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 726 TMB SET50 FUND : 17 ปี ของความสำเร็จสู่ผู้ลงทุน | TMBAM

รับชม 14 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
ทำความรู้จักแบบของกองทุนกันก่อน มีทั้ง Active Fund และ Passive Fund ถ้าเป็นกองทุนแบบ Active Fund คือผู้จัดการกองทุนจะต้องพยายามบริหารกองให้ผลตอบแทนเอาชนะตลาดให้ได้ ส่วน Passive Fund เกิดขึ้นด้วยแนวคิดที่ว่าเมื่อตลาดมีวิวัฒนาการ โอกาสเอาชนะก็ยากขึ้น ดังนั้น กองทุนที่มีประสิทธิภาพกว่าคือกองทุนที่ไม่ต้องพยายามเอาชนะตลาดแต่ลงทุนให้ผลตอบแทนคล้ายตลาดมากที่สุด จึงเกิดเป็นกองทุนดัชนี หรือ Index Fund หรือ Passive Fund นั่นเอง Passive Fund ในไทย กองทุนที่คล้ายดัชนี S&P500 ของสหรัฐมากที่สุดก็คือ กองทุน TMB SET50 ซึ่งดัชนี SET50 เป็นดัชนีที่ตลาดหลักทรัพย์เป็นคนกำหนด และกำหนดโดยที่เลือกบริษัทที่ใหญ่ คล่องตัว ที่สุด 50 อันดับ และประกาศชื่อออกมากทุกๆ 6 เดือน ลักษณะของกองทุนแบบนี้ มีข้อดีคือ 1. เข้าใจง่าย 2. กระจายดี คือกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม โอกาสขาดทุนหนักๆ น้อย 3. ค่าใช้จ่ายต่ำ เพราะค่าบริหารต่ำ นอกจากนี้ กองทุนลักษณะนี้ไม่พยายามไปซื้อขาย ดังนั้น transaction cost ไม่เกิด ไม่ว่าจะเป็นค่าคอมมิชชั่น ค่า bid- offer spread 4. ผลตอบแทนสมความเสี่ยง 5. เหมาะสมกับการเป็นกองทุนที่เป็นแกนนำในการลงทุน (Core Fund) ยกตัวอย่างบริษัทใน SET50 อยู่ในอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูประโภค ธุรกิจการเงิน เทคโนโลยีและการสื่อสาร ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง สื่อและสิ่งพิมพ์ ขนส่งและโลจิสติกส์ อาหารและเครื่องดื่ม โรงพยาบาล เช่น PTT, BTS, AOT, SCB บริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้ นานไปอาจเปลี่ยนแปลง คือลดขนาดหรือคล่องน้อย ก็จะถูกนำออกจากดัชนี แล้วบริษัทใหญ่กว่า คล่องขึ้นก็เข้ามาแทนที่ ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไป กองทุนนี้อาจพูดได้ว่าเป็นศูนย์รวมของ Fifty Winners หรือผู้ชนะ 50 ตัวของตลาด บลจ. ทหารไทยมีกองทุน TMB SET50 ที่ครบรอบ 17 ปีไปเมื่อปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา โดยใน 17 ปีที่ผ่านมา ขนาดของกองทุนรวมๆ มีมูลค่าเกือบๆ 2 หมื่นล้านบาท กล่าวคือ ปี 2001 มีกองทุน TMB SET50 มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารเริ่มต้นที่13,608 ล้านบาท พอมาในปี 2003 มีกอง TMB SET50 RMF มูลค่า 3,671 ล้านบาท และ ปี 2004 กอง TMB SET50 Dividend มูลค่า 1,635 ล้านบาท ฉะนั้นนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในสไตล์ที่ตนเองชอบ กองทุนแบบนี้จะติดตามผลตอบแทนติดตามง่ายโดยดูจากดัชนี SET50 เทียบเคียงได้ทันที 17 ปีที่ผ่านมา เปิดขายที่ 10 บาท จากนั้น ณ สิ้นเดือน มี.ค. ปีนี้ราคาปิดอยู่ที่ 108.69 บาท เติบโต 15% ต่อปี คำแนะนำจาก บลจ. ทหารไทย หากเราอยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว ควรมองหากองทุนที่เป็น Core Fund และหาทางลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เราก็จะได้เปรียบด้านต้นทุน เมื่อเราลงทุนสม่ำเสมอ เมื่อหุ้นลง เราก็ซื้อได้เยอะ หุ้นขึ้นเราก็ซื้อได้น้อยหน่อย เมื่อรวมเฉลี่ยแล้วเราจึงมีต้นทุนที่ได้เปรียบ นักลงทุนที่ลงกองทุนนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม หากลงเดือนละ 10,000 บาทในเวลา 17 ปี จากราคาเริ่ม 10 บาทปัจจุบันอยู่ที่ 108.69 บาทนั้น คิดเป็นจำนวนเดือนทั้งสิ้น 204 เดือนที่ลงทุน เท่ากับต้นทุน 2.04 ล้านบาท และมูลค่าปัจจุบันคือ 7.20 ล้านบาท และมีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 13% ต่อปี วิธีการลงทุนแบบ DCA นี้สะท้อนว่าจาก 10 บาทสู่ 108.69 บาท ราคาเฉลี่ยตลอดเส้นทางคือ 48.02 บาท แต่ต้นทุนเฉลี่ย 30.79 บาท นี่แหล่ะคือความได้เปรียบด้านต้นทุนที่นอกจากจะสร้างผลตอบแทนที่ดีแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือทำให้เกิดสันติสุขในใจ หลายคนมีโอกาสลงทุน แต่อดไม่ได้ที่จะเทรดบ่อย ขายเก็งกำไร หลายครั้งไม่เป็นดั่งใจหวังก็ไม่สบายใจ มุมมองจาก ดร. สมจินต์ แนะนำให้เก็บออมอย่างสม่ำเสมอในพอร์ตที่เชื่อว่ามีกลไกในการจัดสรรการลงทุนที่ดี มีการคัดเลือกบริษัทที่มีคุณภาพเข้ามาอยู่ในกอง และเราลงทุนต่อเนื่อง เกิดการได้เปรียบด้านต้นทุน โอกาสของความสำเร็จก็จะเกิดขึ้น วินัยเกิดขึ้นได้ด้วยตัวช่วยอย่าง AIP หรือ Automatic Investment Plan เพื่อบริการตัดบัญชีรายเดือน สนใจข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ บลจ. ทหารไทย โทร. 1725
แสดงเพิ่ม