ต้นสัปดาห์ตลาดหุ้นไทย บรรยากาศในการลงทุนกลับมาเป็นเชิงบวกหลังจากตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ของไทยออกมาดีเกินคาดหมาย เติบโต 4.8% นับเป็นอัตราการเติบโตสูงที่สุดในรอบ 5 ปี อย่างไรก็ตาม มองภาพรวม ปีนี้ บลจ. ทิสโก้ มองว่าการลงทุนอาจไม่ได้ราบรื่นเหมือน 1-2 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น แต่พอดัชนีขึ้นมาสักระยะ มูลค่าพื้นฐานหรือ valuation เริ่มแพงกว่าอดีต
ปีนี้เอง มีปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน โดยปัจจัยแรกมองเป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่ต่ำตรึงอยู่นานและเพิ่งมาปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้น เมื่อบอนด์ยิวด์ขึ้นมาทะลุ 3% จุดนี้คือจุดกดดันให้เกิดแรงเทขายหุ้นทั่วโลกเพราะขาดแรงจูงใจในการลงทุน
นอกจากนี้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในทิศที่ดี GDP ปี 2018 คาดการณ์ของสหรัฐฯ ที่ 2.8% ยุโรป 2.4% ญี่ปุ่น 1.1% จีน 6.3% ไทย 4.4%
ส่วนประมาณการการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนก็สูง พิจารณาจาก EPS 2018 คาดการณ์ของสหรัฐฯ 25.13% ยุโรป 13.95% ญี่ปุ่น 7.43% จีน18.22% ไทย 12.48%
ส่วนเรื่องตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ของไทยออกมาดีเกินคาดหมาย เติบโต 4.8% ทำให้ บลจ. ทิสโก้ปรับประมาณการณ์ขึ้นเดิม 4.1% เป็น 4.4%
อุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงค์คือ ภาคการส่งออก ท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศฟื้นขากสภาวะดอกเบี้ยต่ำ การจับจ่ายใช้สอยฟื้นตัว
สิ่งที่จับตาคือการลงทุนภาคเอกชนว่าจะเกิดขึ้นโตมากขนาดไหน รอดูประเด็นการมาของ EEC และการเลือกตั้งที่จะดึงดูดการลงทุนภาคเอกชนไปได้มาก
บลจ. ทิสโก้ แนะนำแนวคิดการลงทุนให้กระจายการลงทุนในต่างประเทศ กระจายในหลายประเภทสินทรัพย์ ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเหมาะสมโดยการกระจายการลงทุน ไปยังหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ เพราะมองการลงทุนในหุ้นยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งรองรับ
ตลาดหุ้นที่แนะนำคือ หุ้นญี่ปุ่น ช่วงนี้โดยเฉพาะเงินเยนกลับมาอ่อนค่า หุ้นจีน เพราะการเติบโตเศรษฐกิจต่อเนื่อง ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในจีนโตมาก โตแบบแทบทุกอุตสาหกรรม ส่วนมุมของ PE ก็ยังอยู่ต่ำ 10
แสดงเพิ่ม
