รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 766 AIRA มองทิศทาง SET Index ช่วงครึ่งปีหลัง | บล.ไอร่า

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 766 AIRA มองทิศทาง SET Index ช่วงครึ่งปีหลัง | บล.ไอร่า

รับชม 9 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
AIRA ประเมินว่า AIRA มองทิศทางของ SET Index ในช่วงครึ่งหลังของ 3Q61 ยังเป็นภาพผันผวน โดยมองว่าประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ และการค้าระหว่างประเทศ ที่ช่วงหลังๆ กลายเริ่มกลายเป็นประเด็นเดียวกัน จะยิ่งทำให้การแก้ปัญหาในเรื่องสงครามการค้า ยุ่งยากมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ AIRA มองว่านโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ระยะหลังถูกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อความมุ่งหวังทางการเมืองระหว่างประเทศ นอกเหนือจากประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ จะยิ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ และลดทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็น - การพยายาม Sanction อิหร่าน และขู่ว่าจะทำการลงโทษผู้ที่ซื้อน้ำมัน จากอิหร่าน โดยในแง่การเมืองระหว่างประเทศ เป็นที่ทราบกันดีว่า อิหร่านมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย และในช่วงหลังอิหร่าน มีบทบาททางทหารมากขึ้นในซีเรีย - ความพยายามกดดันตุรกี ที่ฝักใฝ่รัสเซียในช่วงหลัง และยังยืนยันที่จะซื้อน้ำมันจากอิหร่าน รวมถึงการที่ตุรกี ไม่ยอมปล่อยตัว นักบวชชาวสหรัฐฯ ที่ถูกตุรกีตั้งข้อหาก่อการร้าย ในการนี้ สหรัฐฯ ได้ตั้งกำแพงภาษีต่อตุรกี บนสินค้าประเภทอะลูมิเนียมสูงถึง 20% ส่วนเหล็กกล้าภาษีถูกเก็บสูงถึง 50% และทำให้ค่าเงินลีราดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงยุโรปซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ เนื่องจากตุรกีที่มีสภาพง่อนแง่นทางเศรษฐกิจอยู่แล้วนั้นมีหนี้สินที่มีต่อธนาคารพาณิชย์ยุโรปจำนวนมากกว่าแสนล้านเหรียญ ซึ่งในประเด็นการกดดันตุรกีโดยสหรัฐฯ แม้จะไม่มีผลโดยตรงต่อไทย (ตุรกีคิดเป็นเพียง 0.5% ของตลาดส่งส่งออกของไทย) แต่ก็ทำให้ตลาดเกิดการตระหนกเล็กๆ และลดการถือครองทรัพย์สินในสกุลที่เป็น Soft Currency ซึ่งก็รวมถึงเงินบาท และตลาดหุ้นไทยด้วย อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ไม่น่านำมาซึ่งความเสี่ยงที่เป็นระบบ จากทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่ยังอยู่ในระดับสูง ด้านตลาดเงินสะท้อนความกังวล ออกมาในรูปแบบ ของดอกเบี้ยระยะยาวจากพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ปรับตัวขึ้น แม้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐจะออกมาดี และ FED เองก็ได้แสดงท่าทีที่จริงจังต่อการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เริ่มมีความกังวลกันว่าอาจเกิด Inverted Yield Curve ในช่วงปีหน้าหาก FED ขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไป เมื่อเทียบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังอยู่ไม่สูงนัก ซึ่งโดยปกติแล้ว Inverted Yield Curve มักจะส่งสัญญาณเชิงลบต่อตลาดหุ้น ด้านประเด็นในประเทศแม้ไม่ได้เป็นลบ และมีแนวโน้มจะเป็นบวกใน 4Q61 แต่คาดว่ายังมีน้ำหนักน้อยกว่าประเด็นต่างประเทศในขณะนี้ โดยหลังจาก บ. จดทะเบียนฯ ได้ทยอยประกาศผลประกอบการ 2Q61 ไปหมดแล้ว แม้จะทำให้ตลาดขาดปัจจัยใหม่ไปบ้าง แต่เรามองว่าหากมีการปรับฐานในช่วงนี้ ถือเป็นจังหวะในการสะสม โดยเรามองว่าหลังจากนี้ Sentiment ในประเทศจะค่อยๆ เป็นบวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความชัดเจนทางการเมือง ที่มีแนวโน้มว่าน่าจะมีการประกาศวันเลือกตั้งได้ภายใน 3Q61 นี้ โดยล่าสุดมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ประธาน-กรรมการ กกต. 5 รายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับเรามองว่าในช่วง 4Q61 มักจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ Sentiment การใช้จ่ายภายในประเทศคึกคักมากขึ้น นอกจากนี้ AIRA มองว่า โปรเจคต์ขนาดใหญ่ต่างๆ ที่ยังคั่งค้าง น่าจะถูกเร่งรัดภายในปีนี้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปีหน้า กลยุทธ์ AIRA แนะนำรอซื้ออ่อนตัว โดยมองว่าแนวรับระดับ 1,650 จุด เป็นแนวรับที่แข็งแรง หุ้นรายตัวเราเลือกกลุ่มที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อน คือกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับหุ้นกลุ่มนี้เดิมทีได้รับแรงกดดันจากปัญหาชิ้นสวนฯ ขาดแคลน ซึ่งประเด็นกังวลนี้กำลังคลี่คลายลง ครั้งนี้เราเลือกนำเสนอ SVI มูลค่าเหมาะสมเราประเมินไว้ที่ 6.35 บาท โดยมองว่า 2Q61 ยอดขายและกำไรปกติทำจุดสูงสุดใหม่ ส่วนกำไรสุทธิฟื้นตัวแรง +116% yoy, +322% qoq สถานการณ์วัตถุดิบที่ค่อยๆดีขึ้นส่งผลบวกมากกว่าคาดอย่างมากโดยยอดขายเติบโตมาอยู่ที่ 117.7 ล้านดอลลาร์ หรือ 3,670 ล้านบาท (+21% yoy, +15% qoq และดีกว่าคาด 2%) ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของบริษัท กลุ่มลูกค้าที่เติบโตสูงได้แก่กลุ่มอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและกลุ่มอุตสาหกรรม ด้านอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวแรงเกินคาดอย่างมาก มาอยู่ที่ 9.7% (จาก 8.7% เมื่อ 2Q60, 7.1% เมื่อ 1Q61 และเราคาดไว้ที่ 8.3%) อีกทั้งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 64 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 162 ล้านบาทถือว่าเป็นไปตามคาด กำไรสุทธิอยู่ที่ 270 ล้านบาท (ฟื้นตัวแรง +147% qoq และ +26% yoy และสูงกว่าคาดถึง 71%) โดยหากไม่นับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและการตั้งสำรองต่างๆ (หนี้สงสัยจะสูญ ด้อยค่าสินค้าคงเหลือ และรับประกันสินค้า) จะมีกำไรปกติ 217 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของบริษัทเช่นกัน มองอนาคตสดใส ยังคงเลือกเป็น Top pick กลุ่ม ในงวด 2Q61 สถานการณ์วัตถุดิบที่คลี่คลายช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวแรงมาอยู่ที่ 9.7% และเมื่อพิจารณาร่วมกับเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา เราเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 2H61 มีโอกาสจะสูงกว่าระดับ 10.0% และช่วยให้ SVI เป็นหุ้นที่ฟื้นตัวโดดเด่นต่อเนื่องไปถึง 2H61 และเติบโตสูงในปี’62 จากการที่ตั้งเป้ายอดขายเติบโตปีละ 15% - 20% จากมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นทำให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี’61 และ ’62 เพิ่มขึ้น 6% และ 9% ตามลำดับ มาอยู่ที่ 721 และ 888 ล้านบาท ตามลำดับ และประเมินราคาเหมาะสมปี’62 ที่ 6.35 บาท อิง P/E Ratio 16.5 เท่าตามเดิม เรายังคงยืนยันเลือก SVI เป็น Top Pick ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากการที่ฟื้นตัวได้เด่นที่สุดขณะที่ราคาหุ้นยังคง Laggard กลุ่ม และมีอัพไซด์ 27 % จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยเราเชื่อว่าแม้เราจะปรับประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังมีความอนุรักษ์นิยมอยู่ในระดับหนึ่ง (สมมติฐานปี’62 รายได้เติบโต 12% และอัตรากำไรขั้นต้น 9.5%) และมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีกในภายหลัง
แสดงเพิ่ม