รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 749 “หุ้นไทยทำจุดต่ำสุดไปแล้วหรือยัง”| บล.ไอร่า

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 749 “หุ้นไทยทำจุดต่ำสุดไปแล้วหรือยัง”| บล.ไอร่า

รับชม 10 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
"หุ้นไทยเริ่มซึมซับประเด็นลบไปมาก ช่วงที่เหลือของเดือนน่าจะเริ่มไซด์เวย์ แต่เดือนสิงหาคมยังต้องระวัง" AIRA ประเมินว่า SET Index ในช่วงที่เหลือของเดือน ก.ค. จะอยู่ในลักษณะ Sideway และมีความผันผวนลดลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ตลาดได้ซึมซับประเด็น สงครามการค้าระหว่างประเทศ เข้าไปพอสมควร และ เป็นไปได้ว่าระหว่างนี้ การตอบโต้กันของประเทศคู่ค้าหลักต่างๆ ที่มีต่อกัน จะอยู่ขอบเขตที่ตลาดยอมรับได้ ​ทั้งนี้แม้ว่าประเด็นดังกล่าวจะค่อนข้างมีน้ำหนัก โดยเฉพาะคู่กรณีอย่าง สหรัฐ-จีน ที่เตรียมบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในวันศุกร์ที่ 6 ก.ค.นี้ หลังจากสหรัฐ ได้ประกาศรายการสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกเก็บภาษีตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนก็ตอบโต้โดยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บภาษีในอัตราและมูลค่าที่เท่ากัน ​ขณะที่คู่ค้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น แคนาดา, EU และ อินเดีย ก็ได้ตอบโต้มาตรการภาษีเหล็ก และอลูมิเนียม ของสหรัฐ เช่นกัน โดยประเด็นที่น่ากังวลคือ การที่สหรัฐอาจจะประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จาก EU อย่างน้อย 20% ซึ่ง EU ก็ได้ทำการขู่ว่าจะเรียกเก็บเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 2.94 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เรามองว่าประเด็นภาษีบนอุตสาหกรรมรถยนต์ของ สหรัฐ-EU เป็นประเด็นความเสี่ยง ที่มีน้ำหนัก ในระยะสั้นนี้ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่เป็น Global Supply Chain ที่จะกระทบไปทั่วโลก และเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากวัตถุดิบตั้งต้น เช่นเหล็ก และอลูมิเนียม อยู่แล้ว ขณะที่บริษัทรถยนต์ยุโรปที่ตั้งฐานอยู่ในสหรัฐ เช่น เดมเลอร์, บีเอ็ม ดับเบิลยู และโฟล์คสวาเกน ยังไม่มีฐานผลิตในสหรัฐมากนัก จำเป็นต้องส่งรถ ที่ผลิตจากในประเทศอื่นๆ เข้ามาขาย ซึ่งสัดส่วนการส่งรถมาขายของ 3 บริษัทข้างต้นอยู่ที่ 50% 70% และ 80% ตามลำดับ และทำให้ตำแหน่งงานใน บริษัทเหล่านี้ มีความเสี่ยง ​ทั้งนี้แม้ประเด็น Trade war ดังข้างต้น จะดูร้อนแรง โดย World Bank ประเมินว่าการกีดกันทางการค้าทุก ๆ 5 หมื่นล้านเหรียญ จะกระทบต่อการค้าโลกราว 9% แต่อย่างไรก็ตาม เราเริ่มเห็นทางออกที่เป็นไปได้บ้าง โดยในแง่ของกระบวนการใช้มาตรการทางการค้าของสหรัฐ ในทางปฏิบัติ สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐสามารถยืดการบังคับใช้กฎหมาย ออกไปได้ 30 วัน หลังจากที่ลงประกาศใน Federal Register จากนั้นยังสามารถยืดออกไปได้อีกถึง 180 วัน หากพิจารณาเห็นว่าการเจรจากับคู่ค้ามีความคืบหน้าที่ดี ขณะที่ประเด็นภาษีอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ เริ่มมีเค้าลางที่ดีหลังมีข่าวว่า EU อยู่ระหว่างหาทางเพื่อหารือกัน ระหว่างผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ซึ่งหมายรวมถึง สหรัฐ, EU และ ญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ขณะเดียวกันสหรัฐเอง กำลังจะถึงกำหนดการณ์เลือกตั้งกลางเทอม ใน พ.ย. นี้ ซึ่งน่าจะทำให้ กิจกรรมต่างๆ ของภาคการเมืองสหรัฐ โฟกัส กับเรื่องในประเทศมากขึ้น ​ด้านประเด็นราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นแรงจากราว 64 มาที่ 74 ดออลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงเวลาเพียงกว่า 2 สัปดาห์ จากประเด็นการคว่ำบาททางการค้าต่ออิหร่าน ที่แม้ว่าอาจจะมีบางสำนัก คาดการณ์ตัวเลขกันไปถึง 85 ดออลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหากเป็นดังนั้น จะมีแรงกดดันต่อเงินเฟ้อไปทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาแรงจูงใจทางการเมืองทางฝั่งสหรัฐ ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในช่วงปลายปี รัฐบาลสหรัฐย่อมไม่ต้องการ ให้เกิดแรงกดดันต่อระดับราคาสินค้า และเป็นเหตุผลที่ ปธน. ทรัมป์ ทำการเจรจากับ OPEC และซาอุดิอาระเบีย ให้ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตที่หายไปในส่วนของอิหร่าน ​ทั้งนี้จากความผันผวนของตลาดทุน ที่มาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ครั้งนี้ AIRA จึงแนะนำกลยุทธ์ลงทุน เน้น Domestic Play ที่ Defensive ที่แม้กรณีเลวร้าย ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจาก Trade War โดยหุ้นแนะนำครั้งนี้ AIRA เสนอเป็น ADVANC มูลค่าเหมาะสมเราประเมินไว้ที่ 229 บาท โดยมองว่า - ADVANC จะมีกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 8.3 พันล้าน +3.8% QoQ และ +15.7% YoY เติบโตเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน ผลจาก Regulatory cost ที่ปรับลดลง 2% ขณะที่การทำตลาด Prepaid เป็นพื้นที่ย่อย ยังคงได้ผล คาด Net Add สุทธิจะไม่ติดลบ จากที่ติดลบราว 5,500 รายใน 1Q61 ขณะเดียวกันการทำตลาดแบบ Selective ยังช่วยให้ ADVANC รักษาค่าใช้จ่ายทางการตลาดให้อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ADVANC ยังรับรู้กำไรจาก CSL เข้ามาเต็มไตรมาส เทียบกับ 1Q61 ที่บันทึกไว้ 2 เดือน - การประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ที่คาดว่าจะประมูลได้ในช่วง ส.ค. นี้ อย่างน้อยเงื่อนไขที่ออกมาก็ผ่อนปรนมากขึ้นสำหรับคลื่น 1800 MHz ที่มีการแบ่งใบอนุญาตออกเป็น 9 ใบ ใบละ 5 MHz ที่เป็นไปได้ว่า ADVANC อาจจะเลือกเข้าประมูลเพียงจำนวนเพียง 1-2 Slot เพื่อประหยัดงบลงทุน - แม้ว่าระยะสั้นจะมีความไม่แน่นอนของการประมูลฯ แต่คลื่นในมือของ ADVANC ยังคงเพียงพอ เนื่องจากความเร็วในระดับ 3G-4G ยังคงเพียงพอต่อการ Application การใช้งาน ประกอบกับคลื่น 2600 MHz และ 700 MHz น่าจะนำออกมาประมูลได้ในช่วง 2-3 ปีนี้ ด้านผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 4.2% ครั้งนี้เราจึงยังคงคำแนะนำเดิม “ซื้อลงทุน” อิงมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ 229 บาท ​
แสดงเพิ่ม