"หุ้นไทยเริ่มซึมซับประเด็นลบไปมาก ช่วงที่เหลือของเดือนน่าจะเริ่มไซด์เวย์ แต่เดือนสิงหาคมยังต้องระวัง"
AIRA ประเมินว่า SET Index ในช่วงที่เหลือของเดือน ก.ค. จะอยู่ในลักษณะ Sideway และมีความผันผวนลดลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ตลาดได้ซึมซับประเด็น สงครามการค้าระหว่างประเทศ เข้าไปพอสมควร และ เป็นไปได้ว่าระหว่างนี้ การตอบโต้กันของประเทศคู่ค้าหลักต่างๆ ที่มีต่อกัน จะอยู่ขอบเขตที่ตลาดยอมรับได้
ทั้งนี้แม้ว่าประเด็นดังกล่าวจะค่อนข้างมีน้ำหนัก โดยเฉพาะคู่กรณีอย่าง สหรัฐ-จีน ที่เตรียมบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในวันศุกร์ที่ 6 ก.ค.นี้ หลังจากสหรัฐ ได้ประกาศรายการสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกเก็บภาษีตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนก็ตอบโต้โดยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บภาษีในอัตราและมูลค่าที่เท่ากัน
ขณะที่คู่ค้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น แคนาดา, EU และ อินเดีย ก็ได้ตอบโต้มาตรการภาษีเหล็ก และอลูมิเนียม ของสหรัฐ เช่นกัน โดยประเด็นที่น่ากังวลคือ การที่สหรัฐอาจจะประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จาก EU อย่างน้อย 20% ซึ่ง EU ก็ได้ทำการขู่ว่าจะเรียกเก็บเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 2.94 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เรามองว่าประเด็นภาษีบนอุตสาหกรรมรถยนต์ของ สหรัฐ-EU เป็นประเด็นความเสี่ยง ที่มีน้ำหนัก ในระยะสั้นนี้ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่เป็น Global Supply Chain ที่จะกระทบไปทั่วโลก และเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากวัตถุดิบตั้งต้น เช่นเหล็ก และอลูมิเนียม อยู่แล้ว ขณะที่บริษัทรถยนต์ยุโรปที่ตั้งฐานอยู่ในสหรัฐ เช่น เดมเลอร์, บีเอ็ม ดับเบิลยู และโฟล์คสวาเกน ยังไม่มีฐานผลิตในสหรัฐมากนัก จำเป็นต้องส่งรถ ที่ผลิตจากในประเทศอื่นๆ เข้ามาขาย ซึ่งสัดส่วนการส่งรถมาขายของ 3 บริษัทข้างต้นอยู่ที่ 50% 70% และ 80% ตามลำดับ และทำให้ตำแหน่งงานใน บริษัทเหล่านี้ มีความเสี่ยง
ทั้งนี้แม้ประเด็น Trade war ดังข้างต้น จะดูร้อนแรง โดย World Bank ประเมินว่าการกีดกันทางการค้าทุก ๆ 5 หมื่นล้านเหรียญ จะกระทบต่อการค้าโลกราว 9% แต่อย่างไรก็ตาม เราเริ่มเห็นทางออกที่เป็นไปได้บ้าง โดยในแง่ของกระบวนการใช้มาตรการทางการค้าของสหรัฐ ในทางปฏิบัติ สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐสามารถยืดการบังคับใช้กฎหมาย ออกไปได้ 30 วัน หลังจากที่ลงประกาศใน Federal Register จากนั้นยังสามารถยืดออกไปได้อีกถึง 180 วัน หากพิจารณาเห็นว่าการเจรจากับคู่ค้ามีความคืบหน้าที่ดี ขณะที่ประเด็นภาษีอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ เริ่มมีเค้าลางที่ดีหลังมีข่าวว่า EU อยู่ระหว่างหาทางเพื่อหารือกัน ระหว่างผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ซึ่งหมายรวมถึง สหรัฐ, EU และ ญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ขณะเดียวกันสหรัฐเอง กำลังจะถึงกำหนดการณ์เลือกตั้งกลางเทอม ใน พ.ย. นี้ ซึ่งน่าจะทำให้ กิจกรรมต่างๆ ของภาคการเมืองสหรัฐ โฟกัส กับเรื่องในประเทศมากขึ้น
ด้านประเด็นราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นแรงจากราว 64 มาที่ 74 ดออลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงเวลาเพียงกว่า 2 สัปดาห์ จากประเด็นการคว่ำบาททางการค้าต่ออิหร่าน ที่แม้ว่าอาจจะมีบางสำนัก คาดการณ์ตัวเลขกันไปถึง 85 ดออลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหากเป็นดังนั้น จะมีแรงกดดันต่อเงินเฟ้อไปทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาแรงจูงใจทางการเมืองทางฝั่งสหรัฐ ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในช่วงปลายปี รัฐบาลสหรัฐย่อมไม่ต้องการ ให้เกิดแรงกดดันต่อระดับราคาสินค้า และเป็นเหตุผลที่ ปธน. ทรัมป์ ทำการเจรจากับ OPEC และซาอุดิอาระเบีย ให้ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตที่หายไปในส่วนของอิหร่าน
ทั้งนี้จากความผันผวนของตลาดทุน ที่มาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ครั้งนี้ AIRA จึงแนะนำกลยุทธ์ลงทุน เน้น Domestic Play ที่ Defensive ที่แม้กรณีเลวร้าย ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจาก Trade War โดยหุ้นแนะนำครั้งนี้ AIRA เสนอเป็น ADVANC มูลค่าเหมาะสมเราประเมินไว้ที่ 229 บาท โดยมองว่า
- ADVANC จะมีกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 8.3 พันล้าน +3.8% QoQ และ +15.7% YoY เติบโตเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน ผลจาก Regulatory cost ที่ปรับลดลง 2% ขณะที่การทำตลาด Prepaid เป็นพื้นที่ย่อย ยังคงได้ผล คาด Net Add สุทธิจะไม่ติดลบ จากที่ติดลบราว 5,500 รายใน 1Q61 ขณะเดียวกันการทำตลาดแบบ Selective ยังช่วยให้ ADVANC รักษาค่าใช้จ่ายทางการตลาดให้อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ADVANC ยังรับรู้กำไรจาก CSL เข้ามาเต็มไตรมาส เทียบกับ 1Q61 ที่บันทึกไว้ 2 เดือน
- การประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ที่คาดว่าจะประมูลได้ในช่วง ส.ค. นี้ อย่างน้อยเงื่อนไขที่ออกมาก็ผ่อนปรนมากขึ้นสำหรับคลื่น 1800 MHz ที่มีการแบ่งใบอนุญาตออกเป็น 9 ใบ ใบละ 5 MHz ที่เป็นไปได้ว่า ADVANC อาจจะเลือกเข้าประมูลเพียงจำนวนเพียง 1-2 Slot เพื่อประหยัดงบลงทุน
- แม้ว่าระยะสั้นจะมีความไม่แน่นอนของการประมูลฯ แต่คลื่นในมือของ ADVANC ยังคงเพียงพอ เนื่องจากความเร็วในระดับ 3G-4G ยังคงเพียงพอต่อการ Application การใช้งาน ประกอบกับคลื่น 2600 MHz และ 700 MHz น่าจะนำออกมาประมูลได้ในช่วง 2-3 ปีนี้ ด้านผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 4.2% ครั้งนี้เราจึงยังคงคำแนะนำเดิม “ซื้อลงทุน” อิงมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ 229 บาท
แสดงเพิ่ม