รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 715 กระจายการลงทุนสู่ "อินเดีย" | บลจ. กรุงไทย

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 715 กระจายการลงทุนสู่ "อินเดีย" | บลจ. กรุงไทย

รับชม 9 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
วงที่ผ่านมานี้ ปัจจัยภายนอกนั้นหลากหลาย มีทั้งสงครามการค้า ทั้งความกังวลโอกาสการเกิดสงครามระดับการเมืองโลก จึงแนะนำนักลงทุนกระจายความเสี่ยงไปยังเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตจากภายใน เพราะจะมีความทนทานต่อความผันผวนจากภายนอกที่เข้ามากระทบ แนะนักลงทุนกลับมาโฟกัสตลาดฝั่งเอเชีย อย่างอินเดีย ด้วยกลยุทธ์กระจายการลงทุน เหตุผลหลักดูจากตัวเลขเศรษฐกิจของอินเดีย อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาส 4/2560 โต 7.2% ดีกว่าที่คาดการณ์มาก ส่วน IMF ก็คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียปี 2561 ที่ 7.4% และมองไประยะ 2-5 ปีข้างหน้า คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจอินเดียไม่ต่ำกว่า 7% ถือได้ว่าน่าสนใจมาก ฉะนั้นหากนักลงทุนเชื่อและต้องการกระจายการลงทุนสามารถแบ่งเงินมาที่ กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ หรือ KT-INDIA ก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก กอง KT- INDIA ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Invesco India Equity Fund ที่มีผู้จัดการกองทุนเป็ฯคนอินเดีย มากประสบการณ์ด้านการลงทุนไม่ต่ำกว่า 25 ปี ฉะนั้น ลักษณะการจัดพอร์ตไม่ได้ลงในภาพแมคโครเป็นหลักหากแต่เน้นเลือกแบบ Pick Up หุ้นรายตัวจากการมองศักยภาพของแต่ละบริษัทเป็นหลัก เศรษฐกิจอินเดียเติบโตจากการปฏิรูประบบเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก นโยบายเน้นกระตุ้นการลงทุน เห็นได้จาก FDI เข้าไปในอินเดียมาก ฉะนั้น กองทุนนี้จะลงในอุตสาหกรรมการเงินเป็นหลัก รองลงมาคือกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้อานิสงค์จากการขยายสาธารณูประโภคในอินเดีย ขยายอุตสาหกรรมเรื่องรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมรถยนต์ในอินเดียใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ภาคการเงิน ถามว่ามีปัจจัยเสี่ยงหรือไม่ ผู้จัดการกองทุนจับตาประเด็น NPL โดยเฉพาะแบงค์รัฐ ยังน่ากังวลแต่ตอนนี้ตัวเลขก็ยังไม่สูงมากนักแต่ผู้บริหารกองจะจับตาเป็นพิเศษปัจจุบัน NPL ของอินเดียในภาพรวมอยู่ที่ระดับ 8-10% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศไทย ด้านปัจจัยสนับสนุนหุ้นกลุ่มแบงค์ หลายๆ สำนักเห็นตรงกันว่าภาพใหญ่อินเดียอาจยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแม้อัตราเงินเฟ้อปีนี้ยังอยู่ระดับสูง ราว 5-6% ถือว่าอินเดียในอนาคตอีกสัก 20 ปีข้างหน้าน่าจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2-3 ของโลก มีโอกาสแซงสหรัฐ และจะกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกเนื่องจากการบริโภคภายในประเทศ สำหรับภาคการเงินที่กองทุนมุ่งเน้นลงทุน จะเห็นว่าเม็ดเงินหลักอยู่ที่ HDFC Bank ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับรางวัลจากฟอร์บส์ เป็นแบงค์ top ของเอเชีย ที่มีผลการดำเนินงานที่ดี มีศักยภาพในการปล่อยสินเชื่อที่ค่อนข้างดีขณะที่ NPL ยังไม่สูงมาก นอกจากกลุ่มธนาคาร กองทุนยังกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มรถยนต์อย่าง Maruti Suzuki ซึ่งร่วมทุนระหว่างอินเดียกับญี่ปุ่น ผลิตรถเก๋งเป็นส่วนใหญ่และครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในอินเดีย กว่า 50% ผลการดำเนินงาน ย้อนหลัง 1 ปี ตัวเลข ณ 30 มี.ค. 61 อยู่ที่ 11.49% สูงกว่า benchemark ที่ติดลบ 0.12% ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท ติดต่อที่ปรึกษาการลงทุนได้ที่ธนาคารกรุงไทย หรือ บลจ. กรุงไทย โทร. 02 868 6100 กด 9
แสดงเพิ่ม