ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คนที่ 13 ถือว่าเข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาที่ตลาดมีความท้าทายมากทีเดียว โดยเฉพาะจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แต่ทางตลาดหลักทรัพย์ ก็ได้วางแผนงานในอนาคตแล้ว จะเป็นอย่างไรลองติดตามกันดู
ในส่วนของแผนงานในอนาคต วางไว้ 3 ด้านหลักคือ หนึ่ง เราอยากให้คนที่ต้องการระดมทุน สามารถเข้ามาลงทุนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ใช้ประโยชน์จากตลาดทุนในการขยายธุรกิจให้เติบโต สอง เช่นเดียวกับนักลงทุน ก็จะต้องมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย ไม่จำกัดแค่ในประเทศ เพราะยิ่งมีทางเลือกมาก ก็ยิ่งทำให้การจัดการลงทุนมีประสิทธิภาพขึ้น ส่วนด้านที่สาม เราก็อยากจะทำให้บรรดาตัวกลางต่างๆ ทำงานได้เป็นอย่างดี เพื่อสนับสนุนทั้งบริษัทจดทะเบียนและผู้ลงทุน
ส่วนวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมาย เรามองเรื่องการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อทำให้ทั้งผู้ระดมทุน นักลงทุน และผู้ประกอบการ ใช้ตลาดทุนในการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการต่อเชื่อมตลาดต่างๆ ในภูมิภาคและในต่างประเทศเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น CLMV หรือกว้างกว่านั้น เราไปลงทุนในประเทศเขาได้ เขามาลงทุนในประเทศเราได้ สินค้าเราไปซื้อขายในต่างประเทศ เช่นเดียวกับคนไทยก็สามารถลงทุนในบริษัทต่างประเทศที่น่าสนใจได้เช่นกัน
เรื่องการเชื่อมโยงตลาดในภูมิภาค เราไม่อยากมองเป็นเรื่องการแข่งขันกัน เพราะต่างคนต่างต้องมาลงทุนเพื่อแข่งขันดึงดูดเงินลงทุนกันเอง ไม่น่าจะเป็นวิธีที่ดี ในอนาคตเราจะเชื่อมต่อเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ให้เป็นตลาดการลงทุนขนาดใหญ่ ให้เกิดความน่าสนใจทั้งภูมิภาค แบบนี้ดีกว่า
พูดถึงเรื่องการเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นของบริษัทจดทะเบียน ช่วงครึ่งปีแรก ค่อนข้างทรงๆ เพราะมีปัจจัยกดดันเข้ามาเยอะ โดยเฉพาะเรื่องต่างประเทศที่ตอนนั้นยังไม่ชัดเจนเลย ทั้งสงครามการค้า การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ฯลฯ แต่ครึ่งปีหลัง พอปัญหาทุกอย่างชัดเจน แม้จะยังเห็นปัญหาอยู่ แต่พอรู้ว่าคือเรื่องอะไร ก็มีการระดมทุนเข้ามาเยอะขึ้น ซึ่งปีนี้ เราตั้งเป้าหมายเงินระดมทุนไว้ 250,000 ล้านบาท ตอนนี้ก็ใกล้สองแสนล้านบาทแล้ว ก็น่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ส่วนสองถึงสามปีข้างหน้า ก็น่าจะได้ใกล้เคียงกันคือเฉลี่ยๆปีละ 250,000 ล้านบาท สำหรับการระดมทุนในแต่ละปี
อีกเรื่องที่เราให้ความสำคัญ ก็คือจะทำอย่างไรให้บริษัทขนาดเล็กๆหรือแม้แต่ start up เข้ามาใช้ประโยชน์ในตลาดทุนได้ เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่แหล่งระดมทุนสำหรับบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น อันนี้คือโจทย์สำคัญของเรา ที่จะทำให้บริษัทเหล่านี้เข้ามาหาทุนในตลาดไปประกอบธุรกิจได้
ที่ผ่านมา เรามีทำงานไปแล้วหลายเรื่อง อย่างเช่น Platform การระดมทุน ชื่อ Live ก็เป็นตัวอย่าง แต่เรายังต้องพัฒนาขึ้นไปอีก เพื่อให้บริษัทเล็กๆ สามารถโตได้ ก็จะดีกับทั้งตลาดทุนและประเทศ
นอกจากการส่งเสริมให้บริษัทเล็กๆ เข้ามาระดมทุนได้แล้ว อีกด้าน ในส่วนบริษัทต่างประเทศก็ควรจะเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นไทยได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นสองด้านที่เราจะพัฒนาไปทั้งคู่
ส่วนคำแนะนำการลงทุนสำหรับรายย่อย ทางกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยากให้มองสองด้าน คือปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ คู่กันไป
สำหรับในประเทศ ปีนี้เศรษฐกิจถือว่าโตดีมากในรอบ 10 ปีเลย ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวดีขึ้น บริษัทจดทะเบียน กำไรก็เพิ่มขึ้นเกือบ10% สัญญาณชี้ชัดว่าทุกอย่างยังดีอยู่ แต่ปัจจัยต่างประเทศ อันนี้ยังผันผวนมาก แต่ถ้าต่างประเทศชัดเจนเมื่อไหร่ ก็น่าจะกลายมาเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีมาก เพราะฉะนั้นก็อยากให้จับตาปัจจัยต่างประเทศเป็นสำคัญครับ
อยากย้ำว่า เรื่องการลงทุนนั้น ยังคงจำเป็นเสมอ เพราะผลตอบแทนในสินทรัพย์อื่นๆ เช่นเงินฝาก หรือตราสารหนี้นั้นน้อยมาก แต่ตลาดทุน หากเรามองว่าเศรษฐกิจยังดี ธุรกิจยังโตได้ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า นอกจากนี้ ตลาดทุนยังช่วยในเรื่องความเป็นเจ้าของ การลงทุนในธุรกิจด้วยตัวเองใช้เงินมาก แต่การลงทุนในหุ้น เราสามารถเป็นเจ้าของกิจการชั้นดีได้ด้วยเงินที่น้อยกว่า
แสดงเพิ่ม
