รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 820 ลงทุนอะไรดี ปีหมูทอง | บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 820 ลงทุนอะไรดี ปีหมูทอง | บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)

รับชม 17 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
ลงทุนอะไรดี ปีหมูทอง? “สานุพงษ์ สุทัศน์ธรรมกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายที่ปรึกษาบริหารเงินลงทุน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้มุมมองการลงทุนในกองทุนรวมปี 62 ว่าควรจะจัดพอร์ตอย่างไร? พร้อมมีกองทุนที่น่าสนใจมาฝาก คุณสานุพงษ์มองปัจจัยการเมืองในประเทศ ไม่น่ามีผลกระทบรุนแรงเท่าปัจจัยภายนอก เพราะภาวะตลาดในปีนี้คล้ายกับปีที่แล้ว นั่นคือมีความไม่แน่นอนอยู่มาก อย่างเช่นในสัปดาห์นี้ยังต้องรอดูว่าจะเกิด US Government Shutdown รอบสองหรือไม่? หลังจากงบประมาณปัจจุบันใช้ได้เพียงชั่วคราว ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริง ก็ต้องรอดูว่าผลกระทบจะรุนแรงกว่ารอบแรกหรือไม่? เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คาดเดายาก นักลงทุนจึงต้องวางกลยุทธ์ในเชิงรับ ด้วยการประเมินก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น และสถานการณ์เป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ ถัดมาก็ต้องติดตามเรื่อง Trade War ซึ่งล้วนตอกย้ำว่ามีสิ่งที่ไม่แน่นอนอยู่มาก โดยสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ดูคล้ายกับปีที่แล้ว คือมีเฟดเป็นปัจจัยบวก จากการระมัดระวังการขึ้นดอกเบี้ย แต่ระยะถัดไปก็พร้อมจะปรับลดลงได้เช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้คาดเดาลำบาก ดังนั้นในช่วงครึ่งปีแรก จึงควรจัดพอร์ตในเชิงตั้งรับไว้ก่อน ส่วนครึ่งปีหลัง มองว่าปัจจัยที่ยังไม่ชัดเจนมากในช่วงครึ่งปีแรก จะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น จึงหวังว่าภาพรวมตลาดหุ้นจะดูดีขึ้น จากการที่นักลงทุนรับรู้ไปหมดแล้วว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่อาจไม่ถึงขนาดเป็นภาวะถดถอย (Recession) เพราะฉะนั้นถ้าครึ่งปีหลังมีความชัดเจน ตลาดก็น่าจะกลับมาดูดีขึ้น คำแนะนำจัดพอร์ตลงทุน คุณสานุพงษ์บอกว่าต้องย้อนกลับมาเริ่มจากตัวเองเป็นสิ่งดีที่สุด นั่นคือ ประเมินว่าตัวเราเองรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน แล้วค่อยจัดพอร์ต การลงทุนควรจะเป็นไปในลักษณะค่อยๆ ทยอยลง โดยมองภาวะปัจจุบันเป็นจังหวะที่ดีในการ “เก็บของ” มองมูลค่าหุ้น (Valuation) ไม่แพงมากนัก จึงเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยสะสม กองทุนที่แนะนำส่วนใหญ่ยังเป็นสินทรัพย์เสี่ยง แต่ก็ไม่ควรไปลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงมากเกินไป กองทุนหุ้นไทย คุณสานุพงษ์แนะนำ Large Cap ขณะ Mid-Small Cap ที่ปีที่แล้วปรับตัวลงมามาก ยังมีโอกาสที่จะลงต่อ จึงต้องใช้ความระมัดระวัง กองทุนที่แนะนำเป็น core portfolio คือ ONEAMSET50 ของ บลจ.วรรณ ลงทุนในหุ้น SET50 เป็นหลัก เน้นลงทุนสไตล์ Active Funds จึงมีโอกาสชนะ Index ได้บางช่วง ค่าธรรมเนียมค่อนข้างถูก เหมาะกับการเป็น Core portfolio หรือเป็นการลงทุนระยะยาว อีกกลุ่มคือกองทุนที่เกาะธีม “เมกะเทรนด์” โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายวัฏจักร หรือ late cycle (เริ่มมีคำถามว่าเศรษฐกิจจะถดถอยหรือไม่) ซึ่งถ้าลงทุนในธีมนี้ จะยังมั่นใจได้ว่ามี “Growth” โดยกองทุนที่แนะนำคือ K-GHEALTH ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งอิงกับ Global Healthcare และมีการจ่ายปันผล ส่วนอีกกองทุน คือ PWIN ที่อิงกับ Global Innovation ซึ่งกองทุนนี้มีการกระจายสัดส่วนสินทรัพย์อยู่พออสมควร ไม่ได้กระจุกอยู่ในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง หรือเน้นบางเซ็กเตอร์ ทำให้การแกว่งตัวน้อยกว่า ยิ่งกว่านั้นยังเกาะเทรนด์ Cyber Security และ Gaming เป็นการตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้คน และการป้องกันอาชญกรรมบนอินเตอร์เน็ต สำหรับกองทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหากตลาดปรับฐานลงแรงๆ โดยเป็นหุ้นพื้นฐานดี Valuation ไม่แพง มีแนวโน้มเติบโตระยะยาว มีกองทุนแนะนำ คือ CIMB-PRINCIPAL APDI ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากหุ้น และเรื่องค่าเงิน จริงๆ แล้ว คุณสานุพงษ์แนะนำว่าควรลงทุนครบทั้ง 4 กองทุนดังกล่าว เพียงแต่กองทุน PWIN อาจเหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้บ้าง
แสดงเพิ่ม