รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 839 ลงทุนอย่างไร ช่วงเงินบาทอ่อน ?

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 839 ลงทุนอย่างไร ช่วงเงินบาทอ่อน ?

รับชม 1 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
ตั้งแต่ต้นปี แนวโน้มค่าเงินบาทนั้นค่อนข้างจะผันผวน ช่วงต้นปี ตั้งแต่ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 32 บาทกว่าๆ ทาง CLSA ได้คาดการณ์ว่า ปีนี้ จะมีโอกาสเห็นเงินบาท แตะระดับ 31.50 บาท ต่อ ดอลลาร์สหรัฐ" ความเห็นจากคุณ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.CLSA ปัจจัยที่เชื่อว่า ค่าเงินบาทจะกลับมามีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นนั้น ทาง CLSA มองว่า เฟดไม่สามารถที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ แม้แต่ครั้งเดียวในปีนี้ เพราะหากมองว่าภาพเศรษฐกิจอเมริกาในอีก 6-9 เดือนข้างหน้า นั้นดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ภาระหนี้ที่ก่อตัวมากขึ้น การลงทุนของเอกชนในสหรัฐขนาดกลาง และเล็ก ยังอ่อนแอ และ เปราะบาง ประกอบกับท่าทีของทรัมป์ ที่ส่งสัญญาณไม่อยากขึ้นดอกเบี้ยชัดเจน ภาพใหญ่ของอเมริกา เฟดไม่กล้าขึ้นดอกเบี้ยไปมากกว่านี้ ซึ่งนั้นจะส่งผลให้ "ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า" อะไรทำให้ "ค่าเงินบาทแข็งค่า" ? "ค่าเงินบาทอาจจะลงไปทดสอบระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30 ปลายๆ ส่วนที่จะอ่อนตัว ไปถึง 32 บาท ต้นๆ ก็มีโอกาสจะเป็นไปได้" เป็นกรอบค่าเงินที่ CLSA มองไว้ ปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนทิศทางการแข็งค่าของเงินบาท อยู่ที่ ดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังคงเกินดุลในระดับสูง (ที่ประมาณ 6.30% ต่อ GDP) ประกอบกับเงินทุนเคลื่อนย้าย จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ และอีกหลายโครงการที่อาจจะได้เห็นหลังการเลือกตั้ง "การเลือกตั้ง" เป็นจุดวัดใจของเงินทุนไหลเข้า? คุณปริญญ์ มองว่า เรื่องนี้สำคัญมากในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ที่่ให้น้ำหนักการลงทุนระยะยาว ที่มองการลงทุน 10-15 ปี ขึ้นไป หลายประเทศให้น้ำหนักเรื่องประชาธิปไตย โดยเฉพาะ ประเทศที่เคยมีแล้วไม่มี และกำลังจะกลับมามี จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก "เราเห็นชัดว่าเสถียรภาพการเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญ ประเด็นการประกาศชื่อ Candidate นายกของบางพรรค ก็ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว และสร้างความกังวลว่าปัจจัยการเมืองจะเกิดอะไรขึ้น" หากทุกอย่างเป็นไปตามความคาด ภาพรัฐบาลชัดเจน นโยบายที่แน่นอน นั่นก็จะส่งผลบวกต่อค่าเงินบาท แต่หากหลังการเลือกตั้ง ยังมีความคลุมเครือ ไม่สามารถตั้งรัฐบาลที่แข็งแกร่งได้ ก็อาจจะทำให้เงินบาทมีทิศทาง Sideway CLSA กับมุมมองหุ้นไทย: แม้ว่าหุ้นไทย ราคาอาจจะไม่แพงเหมือนปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังรอปัจจัยหนุนเช่น เสถียรภาพทางการเมือง, หน้าตารัฐบาล และนโยบายที่จะสรุป, ความชัดเจนกับนโยบายขนาดใหญ่อย่างโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะนำไปสู่ EEC เป็นประเด็นที่ต่างชาติจับตาอย่างมาก กลยุทธ์ลงทุนที่แนะนำ คือ "การกระจายการลงทุน" เราเห็นชัดว่า เป็นยุคที่นักการเมือง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มีอำนาจชี้ชะตาผลตอบแทนการลงทุนของเรา (ต่างจากภาพในอดีต ที่บรรดาธนาคารกลางเป็นผู้กุมชะตาชีวิตเรา) 3 ประเทศ น่าลงทุน อินเดีย - เวียดนาม - จีน (ตัวหนา ทั้ง 2 บรรทัด) กองทุนในอินเดีย น่าสนใจ: ด้วยปัจจัยค่าเงินอินเดียก็อ่อนค่ามาเยอะแล้ว ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจ เริ่มกลับมาดีขึ้นรวมไปถึงภาพการเติบโตในระยะยาว อินเดียดูดีมาก กองทุนในเวียดนาม ก็เป็นอีกประเทศ น่าศึกษาและลงทุน: ด้วยเสน่ห์ของการเติบโตนั้นน่าสนใจทีเดียว กองทุนจีน หาจังหวะสะสมเข้าพอร์ต: กองทุนเริ่มราคาถูก น่าหาจังหวะเข้าลงทุน หุ้นไทย ... ยังคงอยู่กับความผันผวน (ตัวหนา) คุณปริญญ์ ทิ้งท้ายสำหรับมุมมองหุ้นไทย ว่า "ความผันผวนยังอยู่กับเรา ควรต้องถือ "เงินสด" ไว้ในมือสัก 15-20% เพื่อหาจังหวะเก็บหุ้น ช่วงราคาผันผวน" เพราะความผันผวนหลังการเลือกตั้ง เราเห็นสถิติ ว่า หุ้นมักจะขึ้นก่อนเลือกตั้ง ซึ่งก็ปรับตัวขึ้นมาจริงๆ หลังเลือกตั้ง หุ้นมักจะลง หรือ Sideway ผมยังเชื่อว่า ทิศทางค่าเงินบาทจะแข็งค่า และ เงินทุนไหลเข้า เพราะฝรั่งขายไปเยอะแล้ว ฉะนั้น เลือกลงทุนในกลุ่มที่น่าสนใจ เช่น WHA (คลังสินค้าชั้นพรีเมียม และ นิคมอุตสาหกรรม) หรือ UNIQ ที่จะได้อานิสงค์จากการก่อสร้างที่เติบโต หลังเลือกตั้ง หรือ กลุ่ม Media.....
แสดงเพิ่ม