รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 863 เช็กตัวแปรการลงทุน ก่อนใส่เกียร์เดินหน้า

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 863 เช็กตัวแปรการลงทุน ก่อนใส่เกียร์เดินหน้า

รับชม 0 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
เช็กทิศทางลม ก่อนใส่เกียร์ลุยตลาดหุ้น หุ้นไทยในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากหุ้นกลุ่มพลังงานที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันตลาดโลก แต่อย่างไรก็ดี ดัชนี SET ยังถูกกดดันจากภาพใหญ่ตลาดหุ้นโลก นั่นคือความกังวลที่มีต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และในประเทศที่เรื่องการเมืองหลังเลือกตั้งยังไม่จบ โดยการลงทุนในหุ้น มาคู่กับความผันผวน ก่อนจะลงสนาม จึงต้องเริ่มจากการดูภาพใหญ่ ทั้งเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย 3 ปัจจัยความเสี่ยงในตลาดโลกที่ต้องจับตา : 1. บทสรุปสงครามการค้าระหว่าง จีน - อเมริกา “เทรดวอร์” ยังไม่ได้ข้อยุติอย่างเป็นทางการ หลายๆ ประเทศ ได้รับผลกระทบ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งภาพการส่งออกในปีนี้ชะลอตัวลง และยังต้องติดตามการเจรจาระหว่าง สหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก เรื่องการตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน ภายในวันที่ 18 พฤษภาคม นี้ 2. Brexit สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปเห็นชอบร่วมกันเพื่อเลื่อนเส้นตาย Brexit ไปจนถึงเดือนตุลาคม 2019 เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่สหราชอาณาจักรจะต้องออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง (No-deal Brexit) 3. สภาพคล่องทางการเงิน ที่อาจกลับมาตึงตัวเกินคาด ทั้งจากทิศทางของอัตราดอกเบี้ยทั้งระยะสั้นและระยะยาวในภูมิภาคหลักๆ ที่อาจกลับมาเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะแถบญี่ปุ่น ยุโรป ที่ใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจัยในประเทศที่ต้องจับตา หน่วยงานเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยปรับคาดการณ์จีดีพี : ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดตัวเลขประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2562 ลงเหลือ 3.8% (จากเดิมประเมินไว้ 4.0) เป็นผลจากการส่งออกสินค้าคาดว่าจะลดลงเหลือ 3% จากเดิมคาดว่าจะโต 3.8% นับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงในภาพการลงทุนตลาดหุ้น โดยปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยในปีนี้มาจากปัจจัยภายนอกจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ผลกระทบสงครามการค้า สถานการณ์ทางการเมือง เป็นปัจจัยเสี่ยงในประเทศที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เร็วแค่ไหน แต่ไม่ว่าค่ายไหนจะได้เป็นรัฐบาล นโยบายเศรษฐกิจที่เห็นไม่ได้แตกต่างกันมาก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ว่ารัฐบาลใดมาก็จะต้องดำเนินการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง ซึ่งหลายโครงการผ่านขั้นตอนการประมูล เซ็นสัญญาไปแล้ว อยู่ระหว่างการก่อสร้าง สภาพัฒน์จ่อคิวปรับจีดีพี คุณ ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช. ระบุว่า การปรับจีดีพีใหม่ต้องรอให้มีปัจจัยที่ชัดเจน โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างไรจะทำให้การบริโภคกลับคืนมาหรือไม่ ทั้งนี้ สศช.จะพิจารณาปรับจีดีพีใหม่ในเดือนพฤษภาคมนี้ กระทรวงการคลังจับตาการจัดตั้งรัฐบาล เพราะหมายถึง นโยบายของภาครัฐที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนภาพเศรษฐกิจใหญ่ ความชัดเจนของการลงทุนของภาครัฐ การร่วมลงทุนของภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ กระทรวงการคลังมองปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจไทย ไม่ต่างจาก ธปท.และ สภาพัฒน์ ว่ามาจากการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มชะลอตัว เป็นผลจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยลดลงจากปีที่ผ่านมาและสงครามการค้ากระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย และกระทบต่อจีดีพีด้วยเช่นกัน บรรยากาศแบบนี้ ...ลงทุนอย่างไร? บล.เคจีไอ หุ้นไทยในระยะสั้นยังมีทางขึ้นจำกัด เป็นผลจากงบไตรมาส 1/2562 ของกลุ่มธนาคารฯ ไม่น่าจะแข็งแกร่ง ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ชัดเจนนัก แต่คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นใน พ.ค. เป็นต้นไป นักวิเคราะห์คงเป้าหมาย SET Index ที่ 1,750 จุด อิงเป้า PE 15.5 เท่า หุ้นบิ๊กแคป มีหุ้นเด่นที่แนะนำทยอยสะสม ได้แก่ PTTEP, TOP, CPALL, BDMS, AOT และ INTUCH ส่วนประเด็นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจาก MSCI ในเรื่องที่มีการนับรวมหุ้น NVDR เข้ามาในน้ำหนักของหุ้นไทยในดัชนี MSCI น่าจะส่งผลดีต่อฟันด์โฟลว์หุ้นไทยในระยะถัดไป บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินจีดีไทยไทย เหลือ 3.4%: ในเดือนนี้ นักวิเคราะห์ลดเป้าดัชนี SET ปี 2019 ลงสู่ 1,825จุด สะท้อน GDP ปี 2019 ที่ปรับลงจาก 3.7% เหลือ 3.4% แนะลงทุนด้วยความระมัดระวัง ประเมิน EPS ปีนี้ ที่ 110.6 บาทต่อหุ้น เติบโตกว่า 15% จากฐานที่ต่ำในปี 2018 แต่ยังคง P/E ที่ระดับ 16.5 เท่า ซึ่งเป็นระดับเท่า กรณี Worst Case ผลจากการปรับเปลี่ยนกฎหมายแรงงาน โดยสำหรับลูกจ้างที่อายุงานเกิน 20 ปี ในกรณีเลิกจ้าง ทางบริษัทจะต้องจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเป็น 400 วัน จากเดิม 300วัน ทำให้หลายบริษัทจะต้องตั้ง Employee Benefits นักวิเคราะห์ประเมินผลกระทบเลวร้าย กำไรตลาดจะหายไป 3.5 หมื่นล้านบาท กด EPS ตลาดลงจากกรณีฐาน ลงสู่ 107.5 บาท/หุ้น จึงวางเป้า SET ในกรณี Worst Case ไว้ที่ 1774 จุด โนมูระวางกลยุทธ์การลงทุน Q2 เน้น Theme การลงทุน ซึ่งรวมถึง “Recovery Play” สำหรับหุ้นที่ผลประกอบการปี 2018 ชะลอตัว แต่มีแนวโน้มที่จะกลับมาฟื้นตัวเด่นในปี 2019 แนะนำ AAV, BGRIM, RS และ STPI
แสดงเพิ่ม