รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 867 5 เรื่องที่นักลงทุนต้องติดตามใน Q2

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 867 5 เรื่องที่นักลงทุนต้องติดตามใน Q2

รับชม 4 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
5 เรื่องที่นักลงทุนต้องติดตามใน Q2 ที่ส่งผลต่อบรรยากาศในการลงทุน 1.ส่งออกไทย จับตาส่งออกไทยไตรมาสนี้ ภายหลังตัวเลขเดือนมี.ค. 2562 พลิกกลับมาหดตัวถึง 4.9% y/y มาอยู่ที่ 2.14 หมื่นล้านเหรียญ จากผล กระทบจากสงครามการค้า ฉุดให้ส่งออกในไตรมาสแรกที่ผ่านมาหดตัว 1.6% y/y สาเหตุสำคัญ เป็นผลมาจาก Trade War ข้อมูลที่รวบรวมโดย บล.เอเซียพลัสระบุว่า ตลาดส่งออกจำนวน 60 ตลาดหดตัวลง จากทั้งหมด 94 ตลาด โดยสถานการณ์ในตลาดหลัก เป็นดังนี้ - จีน (สัดส่วนตลาดส่งออกอันดับ 1 ราว 12%) หดตัว 9% , - สหรัฐ หดตัว 1.4% - ญี่ปุ่น ยังขยายตัว 7.4% เพราะเร่งนำเข้าก่อนการขึ้นภาษี Sale Tax จะมีผลในเดือน ต.ค. 2562 ถ้าหากแยกเป็นรายสินค้า พบว่าสินค้าส่งออกสำคัญที่หดตัวลง คือ - คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (สินค้าส่งออกอันดับ 1 ราว 11.6%) หดตัวเป็นเดือนที่ 6 คิดเป็น 20%, - เคมีภัณฑ์หดตัวเดือนที่ 3 คิดเป็น 8.31%, - แผงวงจรไฟฟ้าหดตัวเดือนที่ 2 คิดเป็น 21.7% 2.โมเมนตัมผลประกอบการหุ้น แรงส่งที่จะช่วยหนุนให้หุ้นไทยไปต่อได้ใน Q2 และไตรมาสต่อๆ ไป คงต้องกลับไปเช็กดูที่เรื่องผลประกอบการในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ว่า แข็งแกร่งเพียงพอที่จะหนุนให้นักลงทุนมั่นใจและหวนกลับคืนสู่ตลาดหรือไม่ ภายหลังหุ้นบิ๊กแค็ปอย่างกลุ่มธนาคาร กำไรออกมาอ่อนตัว ไม่มี upside surprise เกิดขึ้น จึงต้องลุ้นกับหุ้นบิ๊กแค็ปกลุ่มอื่นๆ ว่าจะเป็นอย่างไร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส รวบรวมกำไรหุ้นกลุ่มธนาคาร 8 แห่งที่ในไตรมาสแรก พบว่ามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 7.3% หากเทียบ กับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (แต่เพิ่มขึ้น 19.4% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า) โดยมี 5 ธนาคาร คือ KBANK, KTB, SCB, TISCO และ TCAP มีกำไรดีกว่าที่ดีบีเอสฯ คาด ส่วน BBL และ TMB เป็นไปตามคาด และ KKP แย่กว่าคาด สถานการณ์สินเชื่อโดยรวมยังขยายตัว แต่รายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง ขณะค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้น สินเชื่อทั้ง 8 ธนาคารเติบโต 4%Y/Y แต่ลดลง 0.4%Q/Q ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล แต่รายได้ค่าธรรมเนียมลดลงหลังยกเลิกค่าโอน ผ่านระบบดิจิตอล 3.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไตรมาสนี้ต้องจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงรอยต่อรัฐบาล ภายหลังท่านรองนายกฯ สมคิด ประชุมร่วมกระทรวงการคลัง เล็งเสนอ ค.ร.ม. ผ่านแพ็คเกจกระตุ้นการใช้จ่าย – ท่องเที่ยว รองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อเตรียมมาตรการพยุงเศรษฐกิจในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้า ก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่ เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอการลงทุนและการบริโภค โดยคาดว่าจะมีนำเสนอแพ็กเกจ เพื่อขอ อนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ เป้าหมายเพื่อต้องการรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ มุ่งมาตรการให้มีผลในระดับสูง แต่ไม่เป็น “ยาแรง” ลักษณะแพ็คเกจ เป็นมาตรการที่เกี่ยวข้องกับด้านการบริโภค การกระตุ้นการท่องเที่ยว การใช้จ่ายของประชาชนที่ยากจน การลงทุน และด้าน อสังหาริมทรัพย์ ผลกระทบต่อตลาดหุ้น ต้องจับตาหุ้นที่อิงการใช้จ่ายในประเทศ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ 4.เปิดซองประมูลโครงการใหญ่ มีอีกหลายโครงการใหญ่ที่เตรียมเปิดซองประมูล นอกเหนือจากโครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ซึ่งรวมถึง : การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานครด้านตะวันตก 4 สัญญา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เปิดประมูลกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร หรือ Duty Free ในสนามบิน สุวรรณภูมิ โดยมีเอกชนยื่นแข่งขันหลายราย แบ่งเป็นร้านค้าปลอดภาษี เช่น บจก.สรรพสินค้าเซ็นทรัล บจก.คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล บมจ.การบินกรุงเทพ บมจ.รอยัลออคิด เชอราตัน (ประเทศไทย) ส่วนการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสนามบิน สุวรรณภูมิ มีผู้สนใจประมูลเช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา บจก.คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ บจก.เดอะ มอลล์กรุ๊ป นอกจากนี้ ยังต้องติดตามความคืบหน้าในโครงการยักษ์อื่นๆ เช่น โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการ ไฮสปิดเทรน เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง –สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) 5. การเมืองไทย ดีเดย์ คือในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่ง กกต.ปักหมุดเป็นวันประกาศผลเลือกตั้ง ต้องประกาศรายชื่อ ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างน้อย 95% หรือ 475 คน เพื่อนำไปสู่การเปิดสภา จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ในวันนั้น วันที่จะชี้ชะตาการเมืองไทย และการจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องไม่พลาด ในกรณีที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่ทันภายในวันที่ 9 พฤษภาคม มีการวิเคราะห์กันว่าจะสร้าง deadlock หรือสุญญากาศ ทางการเมือง และอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมทั้งความต่อเนื่องของ Fund Flow บล.เอเซียพลัส มองว่าความไม่แน่นอนทางการเมือง เชื่อว่ามีส่วนทำให้ Fund Flow ที่ควรจะไหลเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทย อยู่ในภาวะที่ไม่ มีความต่อเนื่อง และ ไม่มากเท่าที่ควร ภาวะดังกล่าวจึงน่าจะทำให้ Upside ของ SET Index มีเหลือไม่มาก โดยแนวต้านสำคัญ น่าจะอยู่บริเวณ 1680 – 1690 จุด ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นสิ่งที่ทุกคนหวัง เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นไทยไปต่อได้
แสดงเพิ่ม