ุรกิจลีสซิ่ง เดินหน้าฝ่าเศรษฐกิจซบ
แนวโน้มธุรกิจลีสซิ่งในปีนี้ยังมีหลายปัจจัยรุมเร้า โดยเฉพาะภาพรวมกำลังซื้อที่ดูไม่ดีนัก ขณะภาคธุรกิจทยอยปรับกลยุทธ์ รวมทั้งหาทางขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน
คุณประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร พูดถึงภาพรวมธุรกิจลีสซิ่งรถจักรยานยนต์ของประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่อันดับที่ 5 ของโลก โดยมีอินเดียเป็นตลาดใหญ่ที่สุด
อันดับ 1 - อินเดีย
อันดับ 2 - จีน
อันดับ 3 – อินโดนีเซีย
อันดับ 4 - เวียดนาม
อันดับ 5 - ไทย
ด้วยประสบการณ์กว่า 46 ปี ฐิติกร ปัจจุบันมีทั้งหมด 92 สาขา และได้มีการขยายสาขาไปตลาดต่างประเทศ คือ ลาวและกัมพูชา
ในส่วนภาพรวมตลาดไทยในปีที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ ติดลบ 1% ถึง 1.2% ลดลงมาอยู่ที่ 1.8 ล้านคัน ขณะในปีนี้ มีสิ่งที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะยอดส่งออกที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากผลจากสงครามการค้าระหว่างจีนและอเมริกา
แล้วจะเกิดอะไร?
เนื่องจากจีดีพีของไทยขึ้นอยู่กับการส่งออก ประมาณ 70% ซึ่งหากการส่งออกชะลอตัว แน่นอนว่าเศรษฐกิจก็ต้องชะลอตัวลงตาม โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก
ตลาดรถจักรยานยนต์ ยอดขายก็เป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดี ยอดขายก็จะดี ตรงกันข้ามถ้าเศรษฐกิจชะลอ ยอดขายก็ตก ซึ่งกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์นั้นมีหลากหลายอาชีพ เช่น กลุ่มพนักงานโรงงาน เมื่อธุรกิจไม่ดี OT หาย คนกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบ ขณะกลุ่มการเกษตร ในช่วงปีผ่านมาสินค้าเกษตรราคาไม่ดี ก็ถูกกระทบเช่นกัน สะท้อนว่ากำลังซื้อมีผลโดยตรงกับยอดขายรถจักรยานยนต์
NPLs เป็นอย่างไร?
NPLs ในปีที่ผ่านมาถือว่ารักษาระดับหนี้ได้ดี สวนทางกับสถานการณ์หนี้ NPLs ในปีนี้ที่เริ่มขยับขึ้น ลูกค้าหลายกลุ่มมีรายรับกับรายจ่ายไม่สมดุลกัน เกิดภาวะสะดุดในการชำระหนี้ โดยหนี้ภาคครัวเรือนของไทยอยู่ในระดับที่สูงมาก
ปัจจุบันภาคธุรกิจกำลังปรับตัว ด้วยการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น พร้อมกับรอภาพความชัดเจนของรัฐบาลใหม่ และความต่อเนื่องของการลงทุนภาครัฐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การคาดการณ์ว่าปีนี้จะแล้งมาก ซึ่งจากการเฝ้าติดตามสื่อต่างๆ จะเห็นว่า ระดับน้ำในเขื่อนหายไปมาก โดยครั้งนี้ มีการพูดกันว่าจะเป็นภาวะภัยแล้งที่หนักที่สุดในรอบ 30 ปี
ปัญหาที่น่าเป็นห่วง คือ รายได้ของภาคการเกษตร เพราะถ้าเทียบกับภัยน้ำท่วม ภัยแล้งจะกระทบในวงกว้างมากกว่า โดยในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ภาคธุรกิจก็ต้องพยายามรักษาตัวให้ดีที่สุด
แผนขยายสาขา
คุณประพลเปิดเผยว่าแผนในการขยายสาขายังคงเดินหน้าต่อ โดยในไทย มีแผนในการขยายสาขาประมาณ 3-4 แห่ง แต่น่าจะมุ่งขยายในต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากมีโอกาสอยู่มาก โดยปัจจุบัน TK มีสาขาในลาวอยู่ 3 แห่ง และมีแผนในการเพิ่มสาขาอีก 2-3 แห่งในลาว ปีนี้
ส่วนกัมพูชา มีแผนจะเปิดอีก 6 สาขา โดยสิ้นปีนี้ จะมีสาขาในกัมพูชาทั้งหมด 12 สาขา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดตลาดในเมียนมาด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างรอไลเซนส์จากทางการ
แสดงเพิ่ม
