รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 870 กองทุน Health Care จะกลับมาหรือไม่ ? | บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6 EP 870 กองทุน Health Care จะกลับมาหรือไม่ ? | บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)

รับชม 0 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
สงครามการค้ากลับมาแล้ว! ส่งผลให้ตลาดแกว่งตัวมากขึ้น แม้ปัจจัยต่างๆ ยังเป็นเรื่องเดิมๆ จากปีที่แล้ว ไม่ว่าจะสงครามการค้า หรือท่าทีดอกเบี้ยของเฟด ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา บางตลาดหุ้นทำผลงานดีมาก บางตลาดขึ้นไปถึงเกือบ 40% บางตลาด 10% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี คุณสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายที่ปรึกษาบริหารเงินลงทุน บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่าสถานการณ์ตอนนี้มี “Downside” ที่เปิดกว้างมากขึ้น นักลงทุนจึงควรต้องระมัดระวังขึ้นบ้าง ด้วยสภาพจริงๆ แล้ว พื้นฐานหุ้นยังไม่เปลี่ยน ขณะภาพใหญ่คือเศรษฐกิจชะลอตัว สภาพคล่องในตลาดกำลังหายไป จากการที่เฟดเริ่มลด Balance Sheet หรือเริ่มลดขนาดงบดุลของตัวเอง ฉุดให้เม็ดเงินออกจากตลาด ดังนั้น ถ้าจะเลือกกองทุน คุณสานุพงศ์แนะนำว่า ควรต้องมั่นใจว่ากองทุนที่เลือกจะสามารถเป็นการลงทุนเพื่อระยะยาวได้ เพราะต่อให้ตลาดมีการแกว่ง หุ้นก็ยังสามารถทำ New High กลับมาได้ อีกประการคือ มูลค่าหุ้นต้องไม่แพงเกินไป ต้องอย่าลืมว่าถ้าสภาพคล่องหายไป จะให้พรีเมี่ยมหุ้นสูงไม่ได้ จึงต้องค่อยๆ ลดลง และตรงที่ราคาสูงๆ เป็นเรื่องที่อันตรายมาก โดยสรุป การเลือกที่มีหุ้นพื้นฐานดี ราคาไม่แพง ยังเป็นคติการลงทุนในปีนี้ คุณสานุพงศ์ พูดถึงกระแสเมกะเทรนด์ อย่างหุ้นในกลุ่ม Health Care โดยบอกว่าการที่ราคาหุ้นก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวลง ไม่เกี่ยวกับพื้นฐาน ทั้งเรื่องประชากร เทคโนโลยี และการพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ๆ ซึ่งยังมีอย่างต่อเนื่อง และถ้าดูในเรื่องผลประกอบการในช่วงหลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงมาแรง พบว่ายังมีการเติบโต ขณะปัจจัยที่ฉุดราคาหุ้น กลับเป็นปัจจัยระยะสั้น เช่น นโยบายราคายา (ตัวอย่างล่าสุดเป็นเรื่องราคายาของสหรัฐฯ ที่มากระทบกลุ่มหุ้น Health Care) แต่ถ้าผ่านปัจจัยเหล่านี้ไปได้ มองว่าในระยะยาวยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ต่อ การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ จึงมองไปในระยะยาวที่มีความน่าสนใจ มูลค่าหุ้นไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม ทั้ง S&P500 หรือหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ด้วยกัน ขยายความคำว่า “เมกะเทรนด์” ในเมืองไทย ที่พูดถึง “เมกะเทรนด์” คุณสานุพงศ์บอกว่า “Healthcare Service” ไม่ใช่ “เมกะเทรนด์” แต่ที่เป็นจริงๆ คือ BioTech ยา และการรักษาแบบใหม่ๆ ซึ่งหุ้นเหล่านี้ไม่มีในไทย แต่ในต่างประเทศมีหลากหลายสำหรับหุ้นเหล่านี้ โดยแบ่งเป็น 4 เซ็กเตอร์หลักๆ ได้แก่ : BioTech Pharmaceutical วิธีการรักษาแบบใหม่ๆ Healthcare Service โดยกองทุนส่วนใหญ่ จะไปเน้นที่ BioTech เน้นที่เรื่องยา มากกว่าจะเรื่อง Healthcare Service เหมือนไทย เพราะฉะนั้น อย่าคิดว่าลงทุนใน Healthcare Service แล้ว บอกว่าเป็นการลงทุนใน Defensive Sectors เพราะจริงๆ แล้ว ไม่ใช่ และกลายเป็นว่ามาอยู่กับเรื่องที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งอิงกับเรื่อง R&D และเทคโนโลยี สำหรับการไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศ คุณสานุพงศ์แนะนำว่า ก่อนไปลงทุนจะต้องตรวจสอบดูก่อนในหลายเรื่อง เช่น ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งต้องเลือกว่าจะป้องกันความเสี่ยงหรือไม่ การพิจารณา Asset allocation ยังเป็นเรื่องหลักในการเลือกกองทุน เพราะอย่างเช่นบางกองทุนไปลงทุนใน BioTech ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งมีความผันผวนที่สูง ขณะบางกองทุนไปลงทุนใน BioTech ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ไปลงทุนในหุ้นบริษัทยาขนาดใหญ่ ก็จะมีความผันผวนที่น้อยกว่า เป็นต้น วิธีการสังเกตเรื่องนี้ แนะให้ไปดูที่การกระจายของเซ็กเตอร์ หรือหุ้น ว่าเป็นอย่างไร และเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้ารับความเสี่ยงได้ไม่มาก การถือหุ้นตัวใหญ่จึงจะดีกว่าการถือหุ้น BioTech ตัวเล็กๆ จากระดับความผันผวนที่แตกต่างกัน บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำ 2 กองทุนในกลุ่ม Healthcare BCARE กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ โดยกองทุนบัวหลวง K-GHEALTH กองทุนเปิด เค โกลบอล เฮลท์แคร์ โดย KAsset BCARE มีสัดส่วนหุ้นขนาดเล็กมากกว่า K-GHEALTH ความผันผวนจึงสูงกว่า แต่ถ้าเข้าลงทุนถูกจังหวะก็จะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเช่นเดียวกัน บริการ Phillip Fund SuperMart นักลงทุนสามารถซื้อขายได้เกือบทุก บลจ. และได้หลากหลายช่องทาง ทั้งผ่านที่ปรึกษาการลงทุน หรือจะซื้อขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือมือถือ (iOS & Android) เรียกว่าเป็น One-Stop Service เรื่องกองทุนโทรสอบถามได้ที่ 02 635 1718
แสดงเพิ่ม