CEO ของบลจ.วรรณ มองทิศทางของตลาดหุ้นว่า ปัจจัยที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากนอกประเทศ
ซึ่ง สงครามการค้า ระหว่าง อเมริกา และจีน ยังคงน่าเป็นห่วง
รวมถึงท่าทีของ ประธานาธิบดี ทรัมป์ที่ดูจะแข็งกร่าว เปิดประเด็นร้อนๆกับหลายประเทศ ทั้ง เม็กซิโก และ อิหร่าน เป็นต้น
ซึ่งในอนาคตคงต้องจับตาว่า จะมีรายชื่อประเทศในยุโรป และเอเชีย เพิ่มหรือไม่
ส่วนในประเทศ เรื่องใหญ่ที่สุด คงหนีไม่พ้น การจัดตั้งคณะรัฐบาล ว่าหน้าตารัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจะเป็นอย่างไร เสถียรภาพของรัฐบาล
ภาพใหญ่ของการลงทุน.... ที่มาสัญญาณเฟดลดดอกเบี้ย:
ในมุมของภาพรวม คุณ พจน์ เล่าย้อนไปว่า หากมองย้อนกลับไป 2 ปี (นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยขาขึ้น จากการปรับขึ้นดอกเบี้ย
อย่างต่อเนื่องของเฟด) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือ "นโยบายเพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ" ส่งให้ทำให้เกิดเงินเฟ้อระยะสั้น
ซึ่งหลายคนคิดว่า เงินเฟ้อที่ปรับขึ้น ทำให้ข้าวของแพงขึ้น ดอกเบี้ยก็น่าจะสูงขึ้น แต่กลายเป็นว่า เฟด ประเมินภาพในระยะยาวว่า
เศรษฐกิจจะแย่ลง เพราะมองว่าอุปสงค์จะอ่อนแอลง จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยืดเยื้อและบานปลาย สร้างความไม่แน่นอน
ต่อเศรษฐกิจจนไม่สามารถคาดเดาอะไรได้
จากสิ่งที่เกิดขึ้น คุณ พจน์ ประเมินว่าอาจจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง คือ เดือน กันยายน และ ธันวาคม ปีนี้
ซึ่งการลดดอกเบี้ย จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น เม็ดเงินก็น่าจะไหลกลับมาสู่ภูมิภาคเอเชีย และกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมไปถึง "ตลาดหุ้นไทย"
แต่ความผันผวนในการลงทุนตลาดหุ้นนั้นยังคงมีอยู่ เพราะสัญญาณ“late cycle”เศรษฐกิจของสหรัฐตอกย้ำ
ดังนั้น การลงทุนในกลุ่มสินทรัยพ์ทางเลือก (Alternative Asset Classes)... จึงน่าสนใจ
เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ REITs เป็นต้น เพราะให้ปันผลที่สูงกว่าปันผลที่ได้จากตลาดหุ้น และผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงิน
เรียกได้ว่า "สินทรัยพ์ทางเลือก (Alternative Asset Class) เป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหนีจากตลาดหุ้นมาสู่ทาง
เลือกใหม่"
ในปีที่ผ่านมา กลุ่ม Property Fund และ REITs บางกองทุนให้ผลตอบแทนสูงถึง 10-15% เลย
พอร์ตลงทุนแนะนำ จาก บลจ.วรรณ ฝ่าภาพปีแห่งความผันผวน:
ด้วยภาพการลงทุนที่ผันผวน ทาง คุณ พจน์ จาก บลจ.วรรณ แนะนำให้ การกระจายความเสี่ยงทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก
"แต่ควรต้องหาวิธีมาคุ้มครองเงินต้น"
ด้วยการซื้อ Derivative warrant ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ทางเลือกเช่นกัน เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงในตลาดขาลง
เหมือนการลงทุนแบบ "อย่างเสี่ยง แต่ไม่อยากเสีย"
กองทุนที่น่าสนใจ...มุมมอง บลจ.วรรณ:
บลจ.วรรณ มีหลายกองทุนที่เป็นทางเลือก นอกจาก กองทุนตราสารหนี้ เพื่อไว้พักเงินอย่าง ONE-Fixed (ONE-DI)
แล้ว ล่าสุด มีกองทุนที่อยากแนะนำ ด้วยสัดส่วนการลงทุน 80% เป็นตราสารหนี้ และอีก 20% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
เรียกได้ว่า เป็น 80% ปลอดภัย และอีก 20% ได้ปันผลสูง กองทุนนี้ คือ "ONE-DELIGHT"
(แถมข้อดีที่เป็นกองทุนที่มาก่อนที่มีการเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้)
นอกจากนี้ ยังมีอีกกองทุน ที่อยากแนะนำ ที่เรียกว่า ได้รับเงินต้นครบเมื่อครบกำหนดอายุ สำหรับ กองทุนเปิด วรรณ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น
3YA (ONE-COMPLEX3YA) ที่นำเอาตราสารอนุพันธ์ (Derivative) มาช่วยในการบริหารความผันผวนของ
ตลาด
และสำหรับใครที่ชอบติดตามเทรนด์โลก ก็มี กองทุนเปิดวรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ (ONE-UGG) ที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลก
สไตล์ Growth stock ผลตอบแทนกองทุนนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เป็นกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดในกลุ่มของกองทุน
ในไทย
และในระหว่างที่รอความชัดเจนของการเมืองไทย และเน้นหุ้นปันผลสูง ถือแล้วสบายใจกับกองทุนที่คุ้นเคยภายในประเทศ แนะนำ กองทุน
ONE-SETHD ที่ปันผลเฉลี่ยเมื่อปีที่ผานมา ที่ระดับ 4.9%
ทิ้งท้าย อยากให้กระจายสินทรัพย์ไปลงทุนในหลายๆ ประเภท ตราสารหนี้ ตราสารทุน และสินทรัพย์ทางเลือก
นี่เป็นอีกหนึ่งแนวคิดการจัดพอร์ลงทุนที่น่าจะนำไปใช้ให้การลงทุน .... งอกเงย
แสดงเพิ่ม
