ไม่มีเงินลงทุน ยังเป็นหนี้อยู่ หมุนไม่ทันไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือ ทำธุรกิจเล็กๆ จะมีการบริหารจัดการอย่างไรเรามีองค์กรที่อยากแนะนำ ไม่ใช่แบงก์ แต่ช่วยสร้างโอกาสที่ 2 ของชีวิตนั้นคือ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ (บสย.)
โดย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เล่าว่า จากเมื่อก่อน เราทำหน้าที่ดูแลพี่น้อง SMEs ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ วงเงินค้ำประกัน เริ่มต้น 40 ล้านบาทขึ้นไป
แต่จากฐานข้อมูล สสว.มีเอสเอ็มอีที่ลงทะเบียนมีจำนวน 2.5 ล้านราย และเอสเอ็มอีไม่ลงทะเบียน (นอกสำมะโนธุรกิจมีอีก 2.7 ล้านราย) รวมกันกว่า 5.2 ล้านราย ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของ บสย.จะเข้าไปช่วยเหลือ
ที่ผ่านมาเราเปิดมากว่า 27 ปี แต่เรากลุ่มคนเหล่านี้ไปได้ไม่ถึง 10%ประเด็น คือ ทำอย่างไรที่จะสามารถเจาะลึก เข้าใจ เข้าถึง และบูรณาการกับหน่วยงานพันธมิตรอื่นๆ ได้เช่น ธนาคารพันธมิตรอีก 18 แห่ง
เราเห็นว่า บสย.ควรต้องลดเพดานบินลงมา มองภาพกว้างให้มากขึ้น
ภารกิจหลักและการทำงานของบสย. คือการเข้าไปช่วยภาคเอสเอ็มอีของไทยให้กลับมายืนได้อย่างมั่นคง เข็มแข็ง และยั่งยืนยกตัวอย่าง กลุ่มพี่น้องที่เป็นอาชีพอิสระ ที่อาจจะเจอกับ Disruption เกิดมีการเปลี่ยนแปลงด้านการงาน
อาชีพที่ 2 ของกลุ่มคนเหล่านี้ ที่อาจจะเป็นคำตอบการในใช้ชีวิตโครงการของ บสย.ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มดร.รักษ์ เล่าถึง "โครงการ บยส. บอกรักพี่วิน" ที่เล็งเห็นว่าวินมอเตอร์ไซด์ในกรุงเทพ และรอบปริมณฑล มีอยู่ประมาณ 1.6 แสนราย
ภายใต้ Concept เติมความรู้ - เติมทุน - เติมคุณภาพชีวิต ซึ่งได้รับเสียงตอบรับ ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ หมื่นกว่ารายนอกจาก บสย.จะเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อแล้ว เราจะเข้าไปส่งเสริมความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วย
อันดับแรก คือ ตรวจเช็คสุขภาพหนี้ ว่ารายได้ต่อวันอยู่ที่ระดับไหนและทำอย่างไรให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ซึ่งทาง บสย. เป็นตัวช่วยค้ำประกันให้กลุ่มอาชีพเหล่านี้ จากที่เคยจ่ายดอกเบี้ยแพง กว่า 50% ก็ลงมาที่ 18-20%
จ่ายดอกเบี้ยวันละ 500-600 บาท ก็ลดลงมาเหลือวันละ 100 กว่าบาท
สิ่งเหล่านี้ แน่นอนว่าช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ตั้งแต่เปิดโครงการ เราอนุมัติไปกว่า 3,000 รายและเรายังคงเดินหน้าต่อเนื่อง
บสย.จะเข้าไปช่วยเหลือ ธุรกิจ SMEs ได้อย่างไร ?
เพราะการช่วยเหลือ ด้วยการเดินจูงมือเข้าสถาบันการเงินทำไม่ได้ในทันที เนื่องจากต้องมีขั้นตอนของการปรับสภาพหนี้ก่อน
เรามีโครงการที่ชื่อว่า "คลีนิคหมอหนี้ บสย."
3 กลุ่มคนไข้ของคลีนิคหมอหนี้ บสย. คือ
- กลุ่มที่มีความฝัน แต่ไม่รู้จะทำอะไร
กลุ่มนี้ บสย. จะช่วยเพาะบ่มความรู้ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ อย่าง สสว. หรือ SME Bank หลังจากมีความรู้ เราก็จูงมือไปหาแหล่งเงินทุน ธนาคารพันธมิตรหลังจากที่ได้เงินมา ก็สามารถเอาความฝัน มาปั้นเป็นอาชีพ (ไม่จำเป็นต้องมีหนี้ มาก่อนก็ได้)
- กลุ่มที่เริ่มอึดอัดกับสภาพหนี้
เช่น หมุนเงินไม่ทัน ไม่มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ คนกลุ่มนี้ ธุรกิจก็ยังทำอยู่ ต้องจ่ายเงินเดือนลูกน้องอยู่เราจะเข้ามาช่วยบริหาร สภาวะหนี้ ช่วยเจรจาเรื่องอัตราดอกเบี้ยให้ คนที่อึดอัดในสภาพหนี้ก็เริ่มหายใจออก
- กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มที่เรียกว่า หนี้ท่วม ต้องปรับโครงสร้างหนี้
จากเดิม บสย. ห้ามตัดเงินต้น หมายถึง มีหนี้ ตั้งต้น 10 ล้านบาท ต้องคงให้ได้แต่จากกรณีที่เราพบ คือ โรงงานปิดแล้ว แต่ส่งไปจ้างที่อื่นผลิต เพื่อส่งมอบของให้ลูกค้าสภาพคล่องไม่มีแล้ว ไม่มีความสามารถที่จะจ่ายทั้ง ดอกเบี้ย และเงินต้น
คนกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่เรามองว่า เมื่อก่อนถ้าอยากจะมีเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับ บสย.เมื่อก่อน ต้องจ่าย Upfront 10% เช่น 10 ล้านบาท ต้องจ่าย 1 ล้าน แล้วค่อยมาคุยกัน แต่ทุกวันนี้ เราปรับ เพราะเราเข้าใจพฤติกรรมคนทำธุรกิจด้วยการปรับเกณฑ์ในการเข้ามาประนอมหนี้ จากที่ต้องจ่าย Upfront 10% เหลือ 1%
บสย.สามารถช่วย ธุรกิจที่เรียกว่า หนี้ท่วม จากการปรับเกณฑ์ให้เข้าถึงมากขึ้น จากที่เคยปรับโครงสร้างหนี้ได้ เพียงหลักร้อย วันนี้เราสามารถช่วยได้กว่า 1,600 ราย นับตั้งแต่ต้นปี 2562
เราอยากให้โอกาสคนเคยล้ม โดยพลิกฟื้นอุตสาหกรรมที่กำลังจะแย่ ให้โอกาสใหม่แก่กลุ่ม NPLs และกลุ่มที่ต้องการฟื้นกิจการ
เราอยากจะทำให้ทุกคนเห็นว่า บสย. ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของกระทรวงการคลัง "เราอยากที่จะให้คนเคยล้ม กลับมายืนได้อีกครั้งเพราะคนเคยล้ม คือ นักรบเศรษฐกิจของประเทศ"
------------
อ่านข่าว คลิก http://bit.ly/2OjQ4E4
------------
ทันข่าว ก่อนใคร คลิก https://www.thunkhaochannel.com
ติดตามรายการ รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.15-10.30 น.
แสดงเพิ่ม
