ช่วงนี้ ถ้าใครติดตามข่าวสาร และภาวะตลาด ก็จะรู้สึกได้ถึงภาวะความผันผวน จากหลากหลายปัจจัย
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนที่มีแรงเหวี่ยงสูง (สำหรับรายย่อย)
ตัวแปรที่สำคัญที่มีผลต่อการลงทุนทั่วโลก คือ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ย
เป็นครั้งแรก ในรอบ 11 ปี หลังจากเกิดวิกฤตทางการเงินในช่วงนั้น
นั้นเป็นการส่งสัญญาณถึง ความอ่อนแอ ทางเศรษฐกิจ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ Late Cycle
(ถ้าเปรียบเทียบเป็นอายุคน ช่วงนี้เรียกได้ว่า อายุกำลังจะเกิน 80 ปี) จากการขยายความของ คุณ คมสัน ผลานุสนธิ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตาดและผลิตภัณฑ์ บลจ.แอสเซท พลัส
แรงขับเคลื่อนต่างๆ ต้องใช้ตัวกระตุ้นที่เยอะขึ้น ส่วนประเด็น สงครามการค้า ที่ยังไม่หยุด
หุ้น และการลงทุน การปรับขึ้นหรือลงนั้น สะท้อนมาจาก กำไรของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก
ซึ่งกำไรของบริษัทจดทะเบียนนั้น ก็ต้องเปิดมาจาก เศรษฐกิจที่แข็งแรง
ประเด็นนี้เอง จะเป็นประเด็นหลักที่ต้องจับตามองในครึ่งหลังของปีนี้
ภาพการลงทุนในตลาดหุ้น นับตั้งแต่ต้นปีมี ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย ก็ถือได้ว่า ค่อนข้างดี
นักลงทุนหลายๆ ท่านก็อาจจะเริ่ม ล็อคกำไร ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดี
คำถามต่อไป คือ แล้วเศรษฐกิจที่อ่อนแอนี้ จะนำไปสู่ การถดถอย (Recession) หรือไม่ ?
ทาง บลจ.แอสเซท พลัส ยอมรับว่าเศรษฐกิจคงจะไม่ได้เติบโตดี แต่ไม่น่าจะถึงขั้นเกิดภาวะถดถอย ภายในเร็วๆ นี้
เพราะในช่วงนี้ นโยบายการเงิน ทั่วโลก ต่างเข้าใจว่าสถานการณ์เปราะบาง และพยายามหาหนทางในการประคับประคองด้วยมาตรการกระตุ้นต่างๆ
ในภาวะแบบนี้ หากมีจังหวะ ก็สามารถทยอยเก็บหุ้นได้
แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ ทิศทางแบบนี้ จะไม่เหมือนการลงทุนในตลาดหุ้นขาขึ้น
ถ้ามีจังหวะได้ผลตอบแทน 5-10% ในแต่ละช่วงเวลา แนะนำให้ ล็อคกำไร เป็นระยะๆ ไป
สิ่งหนึ่งอยากแนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติม คือ "การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก"
นอกเหนือจาก กองทุนอสังหา ที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ
ทั่วโลก ยังมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย เช่น การทำ Hedge ที่ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น ขาลง
ที่บริหารความเสี่ยงต่ำ เรียกว่า "Long/Short Equity Strategy"
ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศสำหรับการรับมือกับความผันผวนจากการลงทุนในหุ้น
หลักการทำงานง่ายๆ ของกลยุทธ์นี้ คือ ซื้อ (Long) หุ้นที่คาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นในอนาคตจากปัจจัย พื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท และขาย (Short) หุ้นที่มีราคาเกินกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น หรือคาดการณ์ว่าราคาของหุ้นจะปรับตัวลดลงในอนาคต ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนมีเงินเพิ่มจากการขายชอร์ตหุ้น และสามารถนำเงินส่วนต่างไปซื้อหุ้น (Long) ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกแบบกองทุน Private Equity เพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนในหุ้นที่เติบโตสูง หรือ กลุ่ม Start up
ผลตอบแทนที่ได้นั้น น่าสนใจเป็นอย่างมาก
ยกตัวอย่าง ลงทุน 1 บาท โอกาสที่จะได้กลับคืน อาจจะมี 10 บาท ถึง 100 บาท สำหรับการลงทุนประเภทนี้
หรือรวมไปถึง การมองหาโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เช่น ในอังกฤษ ที่ค่าเงินปอนด์ และประเด็น Brexit
ทำให้ตลาดอสังหา โดยเฉพาะที่พัก ที่เกี่ยวกับการศึกษา กลับมาน่าสนใจ
ปิดท้าย คำแนะนำจาก บลจ.แอสเซท พลัส ที่เน้นสไตล์การลงทุนแบบ Active Management
พร้อมกับรูปแบบการลงทุนทางเลือกต่างๆ ที่น่าสนใจ อย่างที่พูดมา
หากสนใจศึกษาข้อมูล หรือ มีข้อสอบถามเพิ่มเติม ก็ลองทำการบ้านกันต่อนะครับ
------------
อ่านข่าว คลิก http://bit.ly/2Za3ZfU
------------
ทันข่าว ก่อนใคร คลิก https://www.thunkhaochannel.com
ติดตามรายการ รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 6
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.15-10.30 น.
แสดงเพิ่ม
