บรรยากาศการลงทุนที่เผชิญกับหลากหลายปัจจัย ที่ทาง คุณ นฤมล บุญสนอง (พี่ลูกหมู)
รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและการลงทุน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)
สรุปมาให้ทั้ง ปัจจัยบวก และลบต่อสภาพเศรษฐกิจ
โดยปัจจัยที่ส่งผลบวก คือ
- การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
- เครดิตของประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
-มีการเลือกตั้ง / สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
ขณะที่หลากหลายปัจจัยที่หลายคนเป็นห่วง โดยเฉพาะ
ความขัดแย้งที่พร้อมประทุขึ้นตลอดเวลากับ สงครามการค้า สหรัฐ และจีน
ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ อย่าง ธุรกิจยางพารา, ถ่านหิน, ปิโตรเคมี, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ ของกินของใช้
ส่วนอีกประเด็น ที่ถูกพูดถึงอย่างมาก คงหนี้ไม่พ้น สัญญาณเตือนภัย จาก Inverted Yield Curve ที่พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นกลับให้ผลตอบแทนดีกว่าระยะยาว สะท้อนถึง นักลงทุนไม่กล้ารับความเสี่ยงในระยะยาว ไม่มั่นใจในอนาคต
มีบทพิสูจน์ให้เห็น จากในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อเกิดสัญญาณ Inverted Yield Curve ขึ้น และในอีกประมาณ 6 เดือน ข้างหน้าก็
เกิดวิฤตเศรษฐกิจรอบใหญ่ขึ้น แบบสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในภาวะที่ตลาดแบบนี้ ทาง บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ให้จุดแนวรับสำคัญที่ 1,626 จุด
และจุดที่ต้องเฝ้าระวัง คือ 1,550 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
1. คนใจนักเลง ทยอยลงทุน 1,620
2. คนใจนักธรรม ทยอยการลงทุน 1,550-1,600
3.คนใจนักบวช ทยอยการลงทุน 1,480-1,520
บรรยากาศการลงทุนที่เฝ้าระวังแบบนี้ สำหรับใครที่ชอบลงทุน
แนะนำ ว่า
- ตราสารหนี้ / หุ้นกู้ / พันธบัตรรัฐบาล ..พิจารณาเครดิตเรทติ้งที่น่าลงทุน
- กองทุน REITs ..ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ (แต่เมื่อทั้งตลาดมองภาพเดียวกัน
ตอนนี้ ราคาก็ปรับแพงขึ้น ต้องหาจังหวะเข้าลงทุน)
- หุ้น .. แบบไหนที่ทนทานในสภาวะเช่นนี้ เพราะในวิกฤติย่อมมีผู้ที่แข็งแกร่ง
คุณ นฤมล บุญสนอง (พี่ลูกหมู) ให้ข้อแนะนำว่า
นักลงทุนควรเลือกหุ้นแบบตั้งเงื่อนไข เช่น จ่ายปันผล และราคาหุ้นยังมี Upside
ยกตัวอย่าง เช่น เลือกหุ้นอยู่ในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเด่น SET50 อย่าง กลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงาน
ภายใต้เงื่อนไข ผลตอบแทนมากกว่า 5% และมี Upside มากกว่า 9%
หุ้นที่สแกนได้ตามเงื่อนไข คือ หุ้น PTTGC,BANPU,SCC,BBL
แสดงเพิ่ม