ปลงสังขาร (เกศาผมหงอก) วัดดอนชะเอม

ปลงสังขาร (เกศาผมหงอก) วัดดอนชะเอม

รับชม 1,635 ครั้ง|
6
ไม่ชอบ
แชร์
takatong2009
59 วิดีโอ
ปลงสังขาร (เกศาผมหงอก) เกศาผมหงอก..............บอกว่าตัวเฒ่า..............ฟันฟางผมเผ้า แก่แล้วทุกประการ.........ตามืดหูหนัก.................ร้ายนักสาธารณ์ บ่มิเป็นแก่นสาร............ใช่ตัวตนของเรา............แผ่พื้นเปื่อยเน่า เครื่องประดับกายเรา.....โสโครกทั้งตัว...............แข้งขามือสั่น เส้นสายพันพัว...............เห็นน่าเกลียดกลัว........อยู่ในตัวของเรา ให้มึนให้เมื่อย...............ให้เจ็บให้เหนื่อย............ไปทั่วขุมขน แก่แล้วโรคา..................เข้ามาหาตน................ได้ความทุกข์ทน โศกาอาวรณ์.................จะนั่งก็โอย..................จะลุกก็โอย เหมือนดอกไม้โรย..........ไม่มีเกสร.....................แก่แล้วโรคา เข้ามาวิงวอน................ได้ความทุกข์ร้อน..........ทั่วกายอินทรีย์ ครั้นสิ้นลมปาก...............กลับกลายหายจาก.......เรียกกันว่าผี ลูกผัวเมียรัก..................เขาชักหน้าหนี..............เขาว่าซากผี เปื่อยเน่าพุพอง..............เขาเสียไม่ได้.................เขาไปเยี่ยมมอง เขาไม่แตะต้อง..............ร่างกายเราหนา..............เขาผูกคอรัด มือเท้าเขามัด................รัดรึงตรึงตรา.................เขาหามเอาไป ทิ้งไว้ป่าช้า....................เขากลับคืนมา...............สู่เหย้าเรือนพลัน ตนอยู่เอกา....................ขาดคนคบหา................ดังเช่นทุกวัน ทรัพย์สินของตน.............เขาแบ่งปันกัน..............ข้าวของทั้งนั้น ไม่ใช่ของเรา..................เมื่อมีชีวิต.....................ครอบครองยึดติด เดี๋ยวนี้เป็นของเขา...........แต่เงินใส่ปาก...............ก็ไม่ติดตามเรา ไปแต่ตัวเปล่า.................เน่าทั่วร่างกาย..............อยู่ในป่ารก ได้ยินเสียงนก.................กึกก้องดงยาง..............ได้ยินหมาไน ร้องไห้ครวญคราง...........จิตใจอ้างว้าง................วิเวกวังเวง ยังมีชีวิต........................มีมิตรมากมาย..............รอบกายของตน เมื่อยามเป็นคน................เป็นอย่างนี้เอง..............มีมิตรครื้นเครง รอบกายของตัว...............ตายไปเป็นผี.................เขาไม่ใยดี ทิ้งไว้น่ากลัว....................ยิ่งคิดยิ่งพรั่น................กายสั่นระรัว รำพึงถึงตัว......................อยู่ในป่าช้า..................ลูกหลานสินทรัพย์ ยิ่งแลยิ่งลับ.....................ไม่เห็นตามมา...............เห็นแต่ศีลทาน เมตตาภาวนา..................ตามเลี้ยงรักษา..............อุ่นกายอุ่นใจ ศีลทานมาช่วย................ได้เป็นเพื่อนม้วย............เมื่อตนตายไป ตบแต่งสมบัติ...................นพรัตน์อำไพ...............เลิศล้ำผ่องใส เพราะทำความดี...............ศีลพาไปเกิด...............ได้วิมานเลิศ ประเสริฐโฉมศรี................นางฟ้าแห่ล้อม.............ด้วยคุณความดี ขับกล่อมดีดสี...................มีสุขครื้นเครง..............เพราะเหตุอย่างนี้ ควรมีศีลทาน....................เพื่อเป็นสะพาน............ข้ามพ้นทุกข์เข็ญ พ้นกรรมพ้นเวร.................พ้นมารพ้นภัย..............สั่งสมความดี ให้มากหลากหลาย............เพื่อตนจะได้................มรรคผลนิพพาน คุณพระทศพล..................ให้ฝึกฝนกรรมฐาน.......ละห่วงลูกหลาน สามีภรรยา.......................ทั้งทรัพย์สมบัติ............เรือกสวนไร่นา สิ่งนี้นำพา........................เกิดแก่เจ็บตาย.............เร่งบำเพ็ญเถิด ประเสริฐมากมาย..............สุขใจสุขกาย................ตามพระพุทธองค์ พระองค์ทรงชี้..................ตถาคตมี......................สมบัติสูงส่ง ในรั้วในวัง.......................ในศากยวงศ์.................สมบัติสูงส่ง ละไม่ไยดี.........................เพราะเป็นเหตุทุกข์.........ผูกพันมากมี สุขไม่กี่ปี..........................ต้องพรากจากไป...........ตายแล้วเกิดอีก ไม่มีทางหลีก....................เพราะอนุสัย..................กิเลสเหตุพา เกิดแก่เจ็บตาย.................ไม่วางไม่วาย................ไม่สิ้นเสียที สิ่งนี้เป็นเหตุ.....................พระองค์ทรงเทศน์..........กิเลสร้ายหนี ละบ่วงโลกีย์.....................มุ่งสู่นิพพาน.................นิพพานเป็นสุข ทุกข์ไม่เผาผลาญ.............พ้นจากบ่วงมาร.............พ้นบ่วงอบาย.
แสดงเพิ่ม