ขณะที่มนุษย์ใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างพลังงานไฟฟ้าเพื่อเป็นแสงสว่าง ในยามค่ำคืน แต่มีสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่ธรรมชาติออกแบบมาให้พวกเขาสามารถเรืองแสงได้ หากแต่ว่าการเรืองแสงที่ถูกสร้างขึ้นในสิ่งมีชีวิตนั้น ก็มิได้มีเพื่อเป็นแสงสว่างนำทาง แต่เป็นกลไกสำคัญที่นำไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตรูปแบบต่างๆ เพื่อความอยู่รอดที่แตกต่างกัน ไม่จะเป็นการเรืองแสงเพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ เรืองแสงเพื่อหาอาหาร เรืองแสงเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากศัตรูและเพื่อเป็นการไขความลับของสิ่งมีชีวิตเรืองแสงกบนอกกะลาจึงออกตามหาความรู้ โดยเริ่มจากเจ้าหิ่งห้อยแมลงเรืองแสงตัวเล็กๆ ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งจากการออกหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเรืองแสงนี้เองก็ทำให้รู้ว่าหิ่งห้อยนั้นจัดเป็นแมลงจำพวกด้วง ซึ่งมีลักษณะเด่นจากด้วงอื่นๆ คือมีอวัยวะพิเศษบริเวณปลายส่วนท้องของลำตัวที่สามารถผลิตแสงได้ เรียกว่าอวัยวะเรืองแสง ( light organ) เป็นแสงเย็นที่ไม่ร้อนเหมือนแสงตะเกียง หรือแสงจากหลอดไฟ ซึ่งการกะพริบแสงของหิ่งห้อยนี้เสมือนเป็นสัญญาณบอกรัก เพื่อสื่อสารระหว่างหิ่งห้อยเพศผู้กับหิ่งห้อยเพศเมียเพื่อหาคู่ผสมผสมพันธุ์ และนอกจากสิ่งมีชีวิตเรืองแสงบนบกแล้วก็ยังมีสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลก็สามารถเรืองแสงได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังพบว่ายังมีสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลอีกหลายชนิดที่สามารถเรืองแสงได้ไม่ว่าจะเป็นหอย ปลายหลากหลายชนิด รวมไปถึงแมงกะพรุน
และปะการังอีกหลากหลายชนิดจากสารเรืองแสงในสิ่งมีชีวิตนี่เองที่ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้นำไปใช้ในการแพทย์เพื่อตรวจหาเนื้องอก และเซลล์มะเร็งในมนุษย์เพื่อทำการรักษาต่อไป ซึ่งกระบวนการเรืองแสงของสิ่งมีชีวิตบนบก และในท้องทะเลนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป
แสดงเพิ่ม