DSIแจงใช้ม.44ค้นวัดธรรมกายไม่ใช้อาวุธเลี่ยงรุนแรง-องอาจมอบตัวแล้ว

DSIแจงใช้ม.44ค้นวัดธรรมกายไม่ใช้อาวุธเลี่ยงรุนแรง-องอาจมอบตัวแล้ว

รับชม 516 ครั้ง|
2
ไม่ชอบ
แชร์
newsplusth
4,971 วิดีโอ
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวการประชุมร่วมกับตำรวจในการลงพื้นที่ปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่วัดพระธรรมกาย ตามหมายค้นของศาลอาญา ภายหลังมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 5/2560 เรื่องการปฏิบัติการภายในเขตพื้นที่ควบคุม บริเวณพื้นที่วัดพระธรรมกาย ว่า สื่อเนื่องจากพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดโอกาสให้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และนำพยายหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวถึง 3 ครั้ง แต่ผู้ต้องหาได้บ่ายเบี่ยง และอ้างเหตุจำเป็นต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตลอดจนมีมวลชนจำนวนมากมาสวดมนต์ภายในวัด และมีบุคคลปกปิดใบหน้าปะปนในหมู่ประชาชน รวมทั้งมีการตั้งเครื่องกีดขวางเส้นทางเข้าออก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเข้าปฏิบัติการตรวจค้น ดังนั้นจึงได้เสนอนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ใช้อำนาจของหัวหน้าคสช. ออกคำสั่งมาตรา 44 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ และตรวจสอบคัดกรองผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่เป็นการชั่วคราว รวมทั้งให้อำนาจบางประการให้สามารถปฏิบัติได้สะดวก และรวดเร็ว พ.ต.อ.ไพสิฐิ กล่าวว่า ตนเองได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเท่าที่จำเป็น จากเบาไปหาหนัก โดยไม่ใช้ความรุนแรง และปราศจากอาวุธ โดยเบื้องต้นได้ขอหมายค้นจากศาลอาญา เพื่อเข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายต่อเนื่องทั้งกลางวัน และกลางคืน แต่ไม่ขอบอกว่ามีอำนาจเข้าตรวจค้นกี่วัน ส่วนจะดำเนินการให้สิ้นสุดภายในวันนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และระยะเวลาในการทำงาน ขณะเดียวกัน ยังได้บูรณาการร่วมกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และคณะสงฆ์ ในการเข้าตรวจคันในพื้นที่ พร้อมทั้งขอชี้แจงกับประชาชนบริเวณโดยรอบพื้นที่ว่า อาจจะไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจรเส้นทางโดยรอบวัดพระธรรมกาย พร้อมทั้งยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามกฎหมายมาโดยตลอด ทั้งนี้ขอให้คณะศิษยานุศิษย์ อย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากจะมีความผิดตามกฎหมาย และขอให้กราบนิมนต์พระธัมมชโย ว่าหามีความบริสุทธิ์จริงขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ศาลเป็นผู้ตัดสินตามหลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความขัดแย้งกับพระธัมมชโย กับศาสนาพุทธ แต่เป็นเพราะต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าพระธััมมชโย ยังอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปตรวจสอบว่าอยู่จริงหรือไม่ ขณะที่ พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวถึงกระแสข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่โดยรอบพื้นที่วัดพระธรรมกาย กว่า 3 พันนายว่า เป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ซึ่งหากพระธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทางประชาชน ศิษยานุศิษย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่ต้องลำบากขนาดนี้ พร้อมยอมรับว่า เป็นห่วงกลุ่มมือที่สามก่อความวุ่นวายขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังคงมีคณะศิษยานุศิษย์ที่ยังปกปิดใบหน้า และหลวมแว่นตาดำ อยู่ในพื้นที่บริเวณโดยรอบ ทั้งนี้เมื่อคืนที่ผ่านมา นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้เดินทางเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง และกองปราบปราม ซึ่งได้มีการประกันตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วเป็นการชั่วคราว แบบมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และยุยงปลุกปั่น ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีที่เกี่ยวข้องกว่า 300 คดีว่า คดีดังกล่าวทั้งหมดแบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม โดยมีความผิดตั้งแต่ในท้องที่จังหวัดปทุมธานี ตาก เลย และพังงา ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ และคดีอื่น ๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานกับทางดีเอสไอตลอดเวลา และคดีของพระธัมมชโย มีส่วนเกี่ยวข้องร้อยละ 70 ของคดีทั้งหมด ทั้งนี้ยืนยันว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม และเท่าเทียม ซึ่งแต่ละข้อกล่าวหาพระธัมมชโยมีความผิดจริงทั้งสิ้น
แสดงเพิ่ม