พันตำรวจเอกสิงห์ สิงห์เดช ผู้กำกับการ สน.คันนายาว เรียกสอบปากคำ นายอนุสรณ์ สิริพลภักดี คนขับรถกระบะผู้เสียหายเพื่อซักถามข้อเท็จจริงจากกรณีที่สังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปจากกล้องหน้ารถกระบะคันหนึ่งซึ่งเกิดเฉี่ยวชนกับรถยนต์โตโยต้า ยาริส โดยเป็นภาพเหตุการณ์ขณะชายคนขับรถยาริสได้ลงมาจากรถพร้อมถือไม้เบสบอลเดินเข้ามาทุบกระจกท้ายรถกระบะ ทำให้คนขับรถกระบะพยายามขับหนี แต่รถยาริสได้ขับตามมาพุ่งชนท้าย เป็นเหตุให้คนในรถกระบะบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบนถนนเลียบคลองสอง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา
โดยนายอนุสรณ์ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุได้กลับรถบริเวณหมู่บ้านวรารักษ์ ถนนเลียบคลองสอง ซอย 32 โดยไม่ทราบว่ารถของตนไปเฉี่ยวชนรถใครหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงชนหรือได้ยินเสียงแตรจากคู่กรณี จากนั้นได้ขับต่อไปประมาณ 500 เมตร รถยาริสคู่กรณีได้ขับปาดหน้าด้วยความเร็วจึงหยุดรถกระทันหัน จากนั้นเห็นคนขับรถถือไม้เบสบอลลงมาจากรถ ก่อนจะกระหน่ำตีรถ จึงเห็นท่าไม่ดีตัดสินใจขับหนีเพื่อมาแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่ต่อมารถคู่กรณีได้ขับชนใส่รถของตนทางด้านขวา จนเสียหลักไปพุ่งชนใส่รถกระบะที่จอดอยู่ริมถนนอีกคัน ทำให้ภรรยาและลูกสาวได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกต้องเร่งนำส่งไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นทั้งตนและคู่กรณีได้เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยที่สถานีตำรวจในช่วงเย็นวันเดียวกัน เพื่อลงบันทึกประจำวันโดยมีการตกลงจะชดใช้ค่าเสียหายตามวงเงินประกันและความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
ด้านพันตำรวจเอกสิงห์ เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวต้องวินิจฉัยเป็น 3 กรณี คือ ก่อนเกิดเหตุที่คนขับยาริสอ้างว่าถูกรถกระบะเฉี่ยวชนก่อน ซึ่งต้องพิจารณาว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากผิดจริงคนขับรถกระบะก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร กรณีที่ 2 คือเหตุที่คนขับรถยาริสถือไม้เบสบอลลงมากระหน่ำตีรถ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการทำให้เสียทรัพย์ และกรณีสุดท้ายคือเหตุที่คนขับรถยาริสขับรถชนใส่รถกระบะคู่กรณีจนไปพุ่งชนใส่รถที่จอดอยู่ข้างทาง ที่ต้องพิจารณาว่ากรณีดังกล่าวเป็นการทำโดยเจตนาหรือเกิดจากความประมาท ซึ่งใช้กฎหมาย
คนละฉบับกัน
อย่างไรก็ตามตำรวจยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานที่จะทยอยเรียกสอบปากคำ โดยเฉพาะคนขับรถส่งแก๊สที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น รวมถึงหลักฐานภาพวงจรปิดประกอบข้อเท็จจริง โดยพนักงานสอบสวนเตรียมเรียกคนขับรถยาริสเข้าให้การอีกครั้งในวันพุธนี้
แสดงเพิ่ม
