"หุ้นไทยยังมีโอกาสลงต่อ กรอบ 1700-1770 จุด แนะนำหุ้นรายตัวอย่าง HTECH"
ภาพของตลาดหุ้นไทย ในระยะสั้น AIRA ประเมินว่า แม้ตลาดจะปรับฐานไปบ้างแล้ว แต่เราประเมินว่า Sentiment โดยรวม ยังอยู่ลักษณะของความไม่เชื่อมั่นต่อภาวะตลาด โดยส่วนใหญ่มาจากปัจจัยต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่
ประเด็นการค้าระหว่างประเทศ ที่กำลังร้อนแรง นำโดย สหรัฐฯ ที่กำลังเป็นปัญหาต่อประเทศคู่ค้าหลัก เช่น จีน, EU, แคนาดา และเม็กซิโก ซี่งน่าจะนำความตรึงเครียด มาสู่การประชุม G7 ในวันศุกร์นี้ หลังจาก สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียม 10% ต่อแคนาดา, เม็กซิโก และ EU ขณะที่การหารือของคณะทำงาน สหรัฐ-จีน ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้ต้องจับตา 15 มิ.ย. นี้ ที่สหรัฐจะเปิดเผยรายชื่อสินค้าจีนวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% ส่วนในวันที่ 30 มิ.ย. สหรัฐจะประกาศข้อจำกัดในการลงทุน และการควบคุมการส่งออกต่อภาคธุรกิจของจีนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถือครองเทคโนโลยีที่มีความสำคัญ
ทั้งนี้แม้ว่า AIRA จะประเมินว่าโอกาสที่จะเกิดสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบ มีไม่มากนัก แต่เพียงเฉพาะการฉุดรั้งความไม่เชื่อมั่นไปทั่วโลก และสร้างความผันผวนในตลาดเงินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เงินทุนไหลออกจาก Emerging Market ได้ โดย S&P ระบุว่า ตัวเลข GDP ของโลกจะได้รับผลกระทบราว 1% หากภัยคุกคามจากมาตรการตั้งกำแพงภาษีได้ลุกลามกลายเป็นสงครามการค้า
ประเด็นการเมืองใน EU ที่กำลังเป็นชนวนให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของระบบการเงินยุโรป ที่แม้ว่าทางอิตาลีจะสามารถฝ่าวิกฤติสามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้ แต่ก็ยังมีความน่าเป็นห่วง จากการที่ 2 พรรคการเมืองหลักที่เป็นแกนนำรัฐบาลคือ 5 star Movement และพรรค Lega มีแนวนโยบายประชานิยมที่มีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรป และอาจนำมาซึ่งความผันผวนต่อเนื่อง โดยหากพิจารณาขนาดของหนี้สินของอิตาลีในปัจจุบัน ใหญ่กว่ากรีซช่วงที่เกิดวิกฤติปี 2552 ราว 5 เท่าตัว
ขณะที่การเมืองสเปน ก็ได้นายกคนใหม่ นายเปโดร ซานเชซ จากฝ่ายค้าน ผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดเดิม แม้ว่าพรรคของนายเปโดร มี จำนวน ส.ส.ใน สภาเพียง 84 ที่จากจำนวน ส.ส.ทั้งสิ้น 350 ที่นั่ง ซึ่งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่มีแนวโน้มขาดเสถียรภาพ
ประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่แม้ว่าจะมีตลาดจะรับรู้ไปแล้วว่า FED มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมช่วง 12-13 มิ.ย.นี้ แต่ด้วยภาวะที่ตลาดเงินทั่วโลกยังคงอ่อนไหวในระยะสั้น จะยิ่งเป็นปัจจัยซ้ำเติมให้เกิดเงินทุนไหลออกจาก Emerging Market
ด้านประเด็นในประเทศ AIRA มองว่าจะยังมีน้ำหนักไม่มากนักต่อตลาดหุ้นไทย แม้ว่าประเด็นการเลือกตั้งในประเทศที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าจะสามารถจะจัดขึ้นได้ในช่วง 1Q62หลังจากปลดล็อคเรื่องที่มาของ สส. และ สว. ไปแล้ว แต่ก็เป็นสิ่งที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ก่อน ขณะที่ประเด็นเศรษฐกิจในประเทศ แม้ภาพรวมจะยังอยู่ในแนวโน้มเติบโต แต่ในส่วนของผู้มีรายได้น้อยยังต้องพึ่งพามาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ขณะที่หนี้ครัวเรือนยังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้งการบริโภคภาคเอกชน ด้าน Sentiment ในตลาดหุ้นพบว่ายังคงอยู่ในภาวะขาดความเชื่อมั่น สะท้อนจากจิตวิทยาตลาด ที่เหวี่ยงไหวในลักษณะ overreact ตามข่าวลือในหุ้นหลายๆ ตัว ในช่วงที่ผ่านมา
ภาพการลงทุน AIRA มองระยะสั้น ดัชนี Sideway ในกรอบ 1,700 – 1,770 จุด คาดตลาดยังอยู่ในภาวะรีรอ แนะนำเลือกลงทุนรายตัว เน้นปัจจัยเฉพาะตัวโดดเด่นครั้งนี้ แนะนำHTECH (มูลค่าเหมาะสมที่ 10.50 บาท) โดยมองว่า
อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ HTECH มีการเติบโตที่ร้อนแรงโดยยอดส่งออกช่วง ม.ค. – เม.ย. 61 มีการเติบโตสูงถึง 17% yoy ขณะที่ลูกค้าหลักสองรายแรกของ HTECH เองมีแผนการขยายกำลังการผลิต Hi-end HDD ให้เพิ่มขึ้นราว 1 เท่าตัวในปี 2561
ตัว HTECH เองมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตราว 10% ในเดือน มิ.ย.61 ขณะที่โรงงานใหม่เฟส 2 คาดจะได้เห็นการขยายในช่วงปลายปี 2561 เพื่อรองรับกับกำลังการผลิตของลูกค้า
เราคาดแนวโน้มผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น qoq ทุกๆ ไตรมาสในปี 2561 จากการเพิ่มกำลังการผลิตของตัวเองและของลูกค้ารายใหญ่ไปพร้อมๆกัน ขณะที่ราคาหุ้นยังซื้อขายที่forward P/E เพียง 12.5 เท่า
แสดงเพิ่ม
