รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 732 หุ้นไทยปรับฐานต่อเนื่อง ลงทุนอย่างไร | AIRA

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 732 หุ้นไทยปรับฐานต่อเนื่อง ลงทุนอย่างไร | AIRA

รับชม 1 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
"หุ้นไทยยังแกว่งตัวลง แนะนำปรับพอร์ตถือเงินสดเพิ่มขึ้น และรอซื้อ หุ้นแนะนำคือ BANPU" บล.ไอร่ามองตลาดช่วงนี้อยู่ในช่วงแกว่งตัวลง (Sideway Down) หลังจากดัชนี ไม่สามารถยืนได้ที่ 1,745 จุด กลยุทธ์ลงทุนในช่วงตลาดปรับฐานต้องถือเงินสดให้มากขึ้น และมองเป็นโอกาส รอจังหวะเก็บหุ้นพื้นฐานดี ที่ราคาปรับตัวลงมา ถ้าเราดูเป็น sector ตลาดตอนนี้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เป็นsideway down กลยุทธ์ควรลด port ลง เช่น กลุ่มธนาคาร การเงิน วัสดุก่อสร้าง ไอซีที อาหาร สื่อ ก่อสร้างและอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่ปัจจัยพื้นฐานดี แต่ราคาปรับฐานลงมา ให้หาจังหวะเข้าเก็บหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ขนส่ง พาณิชย์ และท่องเที่ยว โดยถ้านับจากต้นปี เป็นการขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติเกินกว่า 113,000 ล้านบาท ถือว่าค่อนข้างสูง แม้จะมีแรงซื้อจากสถาบันในประเทศและนักลงทุนรายย่อย จากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ล่าสุดเริ่มแข็งค่าขึ้นมาเรื่อยๆ สังเกตจากดัชนี USD indexล่าสุดอยู่ที่ 94.0 สูงสุดในรอบ 5 เดือน ส่วนค่าเงินบาทก็อ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่ 32.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากลงไปแข็งค่าบริเวณ 30.9 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดต่างประเทศค่อนข้างผันผวน ดัชนีดาวโจนส์ผันผวนอยู่ในกรอบ 24,000 – 25,000 จุด แต่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น ซึ่งประเด็นเกี่ยวกับนโยบายการกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงเป็นความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังคงต้องจับตาดู โดยล่าสุดได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาแผนการตรวจสอบเพื่อประเมินว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหรือไม่ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงถึง 25% ด้านประเด็นในประเทศมีข่าวดีต่อเนื่อง โดยล่าสุดกระทรวงการคลังจะทบทวนคาด GDP ปี 2561 โดยจะปรับขึ้นเป็น 4.5% สูงสุดในรอบ 6 ปี จากเดิมอยู่ที่4.2% หลังกระทรวงพาณิชย์รายงาน GDP ไทยในช่วง 1Q/61 ออกมาที่ 4.8% โดยเป็นผลมาจากปัจจัยสนับสนุนสำคัญเรื่องการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และการเดินหน้าลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทำให้คาดว่าในปีนี้ภาพรวมการลงทุนของภาครัฐจะขยายตัวได้สูงกว่า 10% จากคาดการณ์เดิมอยู่ที่ 8.9% รวมถึงการส่งออกที่ปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้สูงกว่า 8% ซึ่งเป็นคาดการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวได้เป็นอย่างดี ในขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยปี 2561 คาดว่าจะยังคงมีนโยบายผ่อนคลายต่อเนื่องทั้งปี 2561 จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% และคาดเงินเฟ้อปีหน้ายังอยู่ในระดับต่ำที่ 1.1% เพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ส่วนที่น่าสนใจอีกกลุ่มคือการท่องเที่ยว ทั้งจากการที่ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ในขณะที่ปี ’61 ทางกระทรวงท่องเที่ยวตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 37.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.1% แต่ในช่วง 1Q/61 ตัวเลขออกมาที่เพิ่มขึ้นถึง 15% ส่วนเดือน เม.ย. 61 ออกมาบวก 9.4% yoy สูงกว่าเป้าค่อนข้างมาก โดยผู้ได้รับประโยชน์ยังคงเป็น กลุ่มโรงแรม เช่น ERW และธุรกิจสนามบิน เช่น AOT กลยุทธ์ช่วงนี้ยังคงเน้น stock pick เลือกหุ้นในกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น ดังนี้ 1. กลุ่มปิโตรเคมี ผลการดำเนินงานฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง และปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น เช่น IVL, PTTGC 2. กลุ่มพลังงาน คาดผลการดำเนินได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น เช่น PTT, PTTEP และราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง เช่น BANPU 3. กลุ่มพาณิชย์ ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น BJC, GLOBAL 4. กลุ่มขนส่ง ได้รับประโยน์จากการฟื้นตัวของค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น เช่น PSL และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น AOT ส่วนหุ้นแนะนำประจำสัปดาห์ แนะนำหุ้นในกลุ่มพลังงาน นั่นคือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) โดยมีประเด็นดังนี้ • แนวโน้มราคาถ่านหินยังอยู่ในระดับสูง ล่าสุดราคาถ่านหิน Newcastle อยู่ที่ 105 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน สูงสุดในรอบ 5 ปี จากปริมาณความต้องการใช้ถ่านหินในภูมิภาค เช่น อินเดีย เกาหลีใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตดี ในขณะที่ supply เติบโตได้อย่างจำกัด โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพิ่มขึ้นจากออสเตรเลีย • เราคาดกำไรจากการดำเนินงานปกติในปี ’61 อยู่ที่ 7,040 ล้านบาท (รวมผลกระทบจากค่าชดเชยกรณีโรงไฟฟ้าหงสาจำนวน 2,714 ล้านบาทแล้ว) โดยผลการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานเหมืองถ่านหินของ BANPU ทั้งที่อินโดนีเซียและออสเตรเลียโดยเฉพาะเหมืองถ่านหินที่ออสเตรเลียจะมีผลการดำเนินฟื้นตัวโดดเด่น เนื่องจากเป็นเหมืองใต้ดินที่ต้นทุนผลิตค่อนข้างคงที่ • ธุรกิจโรงไฟฟ้าเติบโตโดดเด่น จากโรงไฟฟ้าหงสาที่กลับมาเดินเครื่องได้เป็นปกติ โดยมี Availability Factor สูงที่ 93% จาก 70% ในช่วง 1Q/60 • ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 2019 P/E เพียง 10.4 เท่า ขณะที่คาดเงินปันผลของผลการดำเนินงานปี 2561 ที่ 0.65 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปี 3.1% • ประเมินราคาเป้าหมายปี ’61 อยู่ที่ 28.00 บาท แนะนำ “ซื้อ” ที่มา : BANPU และประมาณการโดย AIRA
แสดงเพิ่ม