รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 775 “ทิศทางตลาดหุ้นเดือนกันยายน” | AIRA

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 775 “ทิศทางตลาดหุ้นเดือนกันยายน” | AIRA

รับชม 0 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
"หุ้นไทยเดือนกันยายนคงผันผวน และแนวโน้มในทางลงมากกว่า แนวรับแรกมอง 1664 จุด หุ้นน่าสนใจคือ CK" บล. ไอร่ามองว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเดือน ส.ค. ยังมองว่าดี เมื่อเทียบกับประเด็นในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีปัจจัยที่เป็นบวกชัดเจน ขณะที่ยังได้รับปัจจัยกดดันจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะความกังวลต่อสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังการเจรจารอบที่ 2 ไม่สำเร็จ เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ส่วนนโยบายการเงินของสหรัฐฯ คาดตลาดสะท้อนไปบ้างแล้ว จากการส่งสัญญาณของเฟดที่มีมาต่อเนื่องในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง ทำให้คาดสามารถรองรับกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ในส่วนของบ้านเรา Fund Flow แรงขายสุทธิของต่างชาติยังทรงๆ เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม อยู่ที่ประมาณ 10,400 ล้านบาท สำหรับในเดือนนี้ เรามองดัชนีมีความผันผวน โดยให้น้ำหนักประเด็นเดิมต่างประเทศที่กลับมามีความไม่แน่นอน และมีน้ำหนักกดดันอีกครั้ง โดยเฉพาะการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ล่าสุดสถานการณ์ส่งสัญญาณมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหลังสหรัฐฯ มีแผนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน อัตรา 25% วงเงินเพิ่มอีก 200,000 ล้านUSD (50%ของมูลค่าสินค้าจีนที่สหรัฐฯ นำเข้า) ต่อเนื่องจาก 2 เดือนที่ผ่านมา (ก.ค. – ส.ค.) ที่ทั้ง 2 ประเทศ เรียกเก็บภาษีสินค้าระหว่างกัน อัตรา 25% วงเงิน 50,000 ล้านUSD พร้อมกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งที่ 3 (25 – 26/9/61) พร้อมคาดเกิดขึ้นอีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. (18 – 19/12/61) คาดรวมทั้งหมด 4 ครั้งในปี’61 คาดอัตราดอกเบี้ยสิ้นปี’61 อยู่ที่ 2.25 – 2.50% ขณะที่คาดปรับขึ้นต่อเนื่องอีก 2 – 3 ครั้งในปี’62 รวมถึง Sentiment ที่กลับมาเป็นลบ จากแรงขายสุทธิของต่างชาติ YTD ที่กลับมาอยู่ในระดับสูงกว่า 200,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามเราคาดบางส่วนพักอยู่ในตลาดพันธบัตร จากยอดซื้อสุทธิของต่างชาติในตลาดพันธบัตร - YTD ประมาณ 5,600 ล้านUSD ประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากประเด็นการทำ Window Dressing – 3Q/61 ช่วงปลายเดือน รวมถึง Sentiment ต่อสถานการณ์การเมืองมีแนวโน้มดีขึ้นทั้งการเลือกตั้ง และ คสช. เตรียมใช้ ม.44 ปลดล๊อคพรรคการเมือง และสุดท้ายเป็นการประชุม กนง. (19/9/61) คาดในครั้งนี้ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% แต่หลังอัตราเงินเฟ้อทั่วไป - ส.ค.61 ขยายตัว 1.62% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 คาด กนง. อาจส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เหลือของปี คาดเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมตลาด อย่างไรก็ตามเป็น Sentiment บวก ต่อกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะต่อ Net Interest Margin ที่น่าสนใจในกลุ่มธนาคาร เช่น BBL และ KTB เป็นต้น SET index ทางเทคนิค แนวรับ 1,664 ถัดไประดับ 1,600 ต้นๆ ซึ่งภายใต้ความไม่แน่นอนจากประเด็นต่างประเทศ ทำให้คาดดัชนีมีความผันผวน และราคาหุ้นมีโอกาสปรับลดลง อย่างไรก็ตามเป็น “โอกาสในการเข้าสะสม” โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้นตามลำดับ พร้อมกับการลงทุนภาครัฐฯ ที่คาดเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 2H/61 เป็นต้นไป รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่งสัญญาณที่ดี หลัง 2Q/61 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 67.5 สูงสุดในรอบ 13 ไตรมาสที่ผ่านมา หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ CBG, COM7, CK, KCE, MTC, PTT และ TRUE เป็นต้น หุ้นแนะนำเป็น “CK “ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับกลุ่มจากความไม่แน่นอน / ล่าช้า ในการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ในช่วง 1H/61 ส่งผลต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกดดันราคาหุ้น ภายใต้ความกังวลต่อปริมาณงานก่อสร้างไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องของปริมาณงานก่อสร้างที่มีอยู่ในมือ (Backlog) และอาจส่งผลต่อการรับรู้รายได้ในอนาคต ปัจจัยบวกในอนาคต มาจาก เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง 5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการลงทุนที่มีเป้าหมายให้ไทยเป็นจุดเชื่อมประเทศกลุ่ม CLMV ไปตลาดโลก มูลค่ารวม 1.7 ล้านล้านบาท เช่น (1)โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา มูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท กำหนดยื่นซองประมูล 12/11/61 (2) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด “Phase 3” และ (3) การขยายสนามบินอู่ตะเภาและการสร้างโรงซ่อมบำรุงของการบินไทย โครงการระบบราง คาดทยอยเปิดประมูลปลาย 3Q/61 เป็นต้นไป เช่น (1) ทางด่วนพระราม 3 - ดาวคะนอง มูลค่า 30,437 ล้านบาท (2) รถไฟทางคู่ Phase II จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ารวม ประมาณ 400,000 ล้านบาท จำนวนนี้รวม เส้นทางเด่นชัย – เชียงราย - เชียงของ มูลค่า 77,000 ล้านบาท ที่ได้รับการอนุมัติจาก ครม. แล้ว คาดเปิดประมูลช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ 8 เส้นทางที่เหลือ คาดทยอยเข้า ครม. ภายในเดือนก.ย. นี้ ส่วนสายสีม่วงใต้ เตาปูน ราษฎร์บูรณะ มูลค่าโครงการ 101,000 ล้านบาท ปัจจุบัน รฟม. อยู่ระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขการลงทุนเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน – PPP เช่นเดียวกับสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรม – ตลิ่งชัน มูลค่า 109,000 ล้านบาท คาดทยอยเปิดประมูลต้นปี’62 ขณะที่ CK ยังมีความน่าสนใจในเชิงพื้นฐาน แม้ได้รับผลกระทบจากงานประมูลที่ล่าช้า และทำให้รายได้งานก่อสร้างชะลอตัว เนื่องจากเป็นการรับรู้รายได้จาก Backlog เดิม ที่บางโครงการอยู่ในช่วงเริ่มต้นงานก่อสร้าง ทำให้สัดส่วนรับรู้รายได้ยังไม่มาก แต่ CK ได้รับประโยชน์จากบริษัทที่ร่วมทุน (TTW, CKP และ BEM) ส่งผลให้กำไรสุทธิยังอยู่ในระดับที่ดี คาดกำไรสุทธิปี’61 อยู่ที่ 1,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%จากปี’60 และคาดเพิ่มขึ้น 4.5% ในปี’62 คาดอยู่ที่ 2,031 ล้านบาท ประเมินราคาเป้าหมายปี’62 ที่ 32.50 บาท อิง PBV ที่ 2.0X (ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา)
แสดงเพิ่ม