รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 686 "หุ้นไทยร่วงต่อเนื่อง ควรลงทุนอย่างไร" | บล.ไอร่า

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 686 "หุ้นไทยร่วงต่อเนื่อง ควรลงทุนอย่างไร" | บล.ไอร่า

รับชม 2 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
บล. AIRA ประเมินว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทย จะยังคงดำเนินไปอีกระยะ โดยแม้ว่าในระยะสั้นตลาดได้ Priced In กรณีการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ ในการประชุมเดือน มี.ค. ไปแล้ว โดยตลาด FED Fund Future สะท้อนการคาดการณ์ด้วยความน่าจะเป็นที่ 100% (เทียบกับในช่วง 1 เดือนก่อนที่ 88.5%) แต่เรามองว่าจิตวิทยายังอยู่ในภาวะอ่อนไหว สะท้อนจากความผันผวนระหว่างวัน ที่เกิดขึ้นในทุกสินทรัพย์ลงทุนทั่วโลก ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ราว 2.9% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 4-5 ปี ซึ่งสะท้อนถึง Risk Aversion ขณะที่เดียวกันกับที่ SET Index มีลักษณะของการ Risk Off โดยการลดการลงทุนในหุ้นขนาดดกลาง-เล็ก และเพิ่มการลงทุนในหุ้น Big Cap ที่ Defensive มากขึ้น ซึ่งสะท้อนการปรับฐานทางจิตวิทยา ​ ขณะที่ประเด็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงไทย ตลาดอาจให้น้ำหนักไม่มากนักในระยะสั้น โดยเรามองว่าต้องรอจนให้ตลาดปรับตัวทางจิตวิทยาแล้วเสร็จ จึงจะให้น้ำหนักกับปัจจัยบวกเหล่านี้ โดยล่าสุด Indicator ต่างๆ ยังบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคง Solid โดยเฉพาะในส่วนที่อ้างอิง Demand จาก Global ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวหรือการส่งออก ​ โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดือน ม.ค. ที่ขยายตัว 10.87% และเติบโตเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ขณะที่ด้านการส่งออกเดือน ม.ค. ก็ขยายตัวถึง 17.6% ซึ่งดีสุดในรอบ 62 เดือน โดยหลักๆ เติบโตในอุตสาหกรรมหลักของไทย เช่น หมวดยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบ +26.4% โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ +20.0% สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า +9.7% หมวดอุตสาหกรรมเกษตร +16.2% โดยผลิตภัณฑ์มันสําปะหลัง + 42.3%, น้ำตาล +42.2% และ ข้าว +37.2% ​ ทั้งนี้ในส่วนหลังคือการส่งออกสินค้าเกษตรที่ดีขึ้น นั้นสะท้อน Demand จากต่างประเทศที่สูงขึ้น พร้อมๆ กับปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ที่ท้ายสุดแล้วจะทำให้เม็ดเงินลงไปในส่วนของรากหญ้าได้มากขึ้น ​กลยุทธ์แนะนำในภาวะที่ SET Index ผันผวน ครั้งนี้ AIRA แนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากเป็น Theme ที่ Solid โดย AIRA แนะนำเป็น PSL ด้วยมูลค่าเหมาะสมที่ 14.10 บาท (มีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้นอีก) โดยเรามองว่า PSL กำลังพลิกฟื้นผลประกอบการ ประกอบกับเป็นจังหวะสะสมที่ดี ที่ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) เป็นช่วง Low Season และมีแนวโน้มปรับขึ้นตั้งแต่ มี.ค. เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้ ​ ค่าระวางฟื้น 4Q60 PSL กลับมามีกำไรสุทธิในรอบ 4 ปีที่ 109 ล้านบาท... ใกล้เคียงกับที่เราประเมินไว้ (ตามรายงาน ฉบับ 31 ต.ค. 2560) โดยไตรมาสนี้ PSL ได้รับอานิสงค์จากค่าระวางเรือที่ปรับขึ้นในช่วงต้นไตรมาส ก่อนที่ทางการจีนจะประกาศควบคุมมลพิษและลดกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมหนักหลายประเภท ทั้งนี้ดัชนีค่าระวางเรือ Handysize +28% QoQ และ+33% YoY ขณะที่ดัชนีค่าระวางเรือ Supramax +16% QoQ และ +23% YoY รวมแล้วทำให้ค่าระวางเรือของ PSL ใน 4Q60 +14% QoQ และ +31% YoY มาอยู่ที่ 10,728 เหรียญ/วัน/ลำ ด้านต้นทุนการเดินเรือ/วัน/ลำ ยังควบคุมได้ดีที่ 4,451 เหรียญ ทรงตัว QoQ และ YoY จากอายุกองเรือที่ต่ำเพียง 6 ปี หลังจากดำเนินการปรับปรุงกองเรือแล้วเสร็จตั้งแต่ปีก่อน ​แนวโน้มปี 61 อุปสงค์-อุปทาน มีแนวโน้มเข้าสู่สมดุลมากขึ้น... แม้ว่าปริมาณ %Orderbook ของทั้งอุตสาหกรรมเรือเทกองจะขยับขึ้นบ้างตั้งแต่ 3Q60 จนปัจจุบันมาอยู่ที่ราว 10% ของกองเรือโลก แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงเลวร้ายสุดในช่วงปี 51-52 ที่ 74% อย่างมาก และเป็นการเพิ่มขึ้นในเรือขนาดใหญ่ Capesize และ Panamax ทั้งสิ้น ในขณะที่เรือขนาดเล็ก-กลาง คือ Handsize และ Supramax ซึ่งเป็นเรือหลักของ PSL อัตรา %Orderbook ยังอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี และ 13 ปี ที่ 7.8% และ 1.7% ตามลำดับ สอดคล้องกับที่สำนักต่างๆ ประเมินกันว่า Supply ของเรือเทกองจะเพิ่มขึ้นเพียงราว 1% ในปี 61-62 ขณะที่ Demand จะเติบโตสัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลกที่ราว 3-4% ​ระยะสั้น 1Q61 ผลประกอบการอาจอ่อนตัวลง ตามฤดูกาล แต่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ใน 2Q61 ยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” อิงมูลค่าเหมาะสม 14.10 บาท... แม้ผลประกอบการระยะสั้นมีแนวโน้มอ่อนตัวลงบ้างใน 1Q61 จากปัจจัยเชิงฤดูกาลที่เรือใหม่มักเข้าสู่อุตสาหกรรมในช่วง ม.ค. รวมถึงการหยุดยาวในช่วงเทศกาลตรุษจีน และผลกระทบจากการลดกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมหนักของจีนเพื่อควบคุมมลพิษที่จะจบมาตรการลงใน มี.ค. นี้ โดยรวมเราจึงคาดว่าผลประกอบการของ PSL น่าจะกลับมาเติบโตได้ใน 2Q61 ขณะที่มุมมองระยะยาว ปัจจัยด้านกฏเกณฑ์ ได้แก่ข้อตกลงการจัดการน้ำถ่วงเรือ และเกณฑ์การจำกัดค่ากำมะถันในเชื้อเพลิง ที่จะบังคับใช้ในปี 2562-2563 จะยิ่งกดดันให้เรืออายุมากปลดระวางเรือเร็วขึ้น รวมแล้วทำให้เราคงมุมมองระดับอุตสาหกรรมที่ว่า Demand-Supply กำลังเข้าสู่สมดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไป ครั้งนี้เราจึงยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” อิงมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ที่ 14.10 บาท
แสดงเพิ่ม