รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 807 ประเมิน SET Index เดือนธันวาคม | บล.ไอร่า

รวยหุ้น รวยลงทุน ปี 5 EP 807 ประเมิน SET Index เดือนธันวาคม | บล.ไอร่า

รับชม 7 ครั้ง|
ชอบ
ไม่ชอบ
แชร์
thunkhaochannel
636 วิดีโอ
"หุ้นไทยน่าจะไซด์เวย์อัพในช่วงเดือนธันวาคม แต่ยังมีหลายปัจจัยให้ติดตามทั้งเรื่องสงครามการค้าและดอกเบี้ย FED" AIRA ประเมินว่า SET Index ในช่วง ธ.ค. จะเป็นภาพ Sideway-Up โดยแม้ว่าตลาดจะต้องผ่านช่วงกระจุกตัวของ Event ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน ธ.ค. แต่เรามองว่าการปรับฐานของดัชนีลงมาก่อนหน้า จะช่วยลดโอกาสที่ดัชนีจะปรับฐานต่อเนื่องในเดือน ธ.ค. ขณะที่ผู้เล่นซึ่งที่ผ่านมาเป็นผู้ขายหลักในตลาดหุ้นไทย อย่างต่างชาติ (YTD ขายสุทธิไปกว่า 2.8 แสนล้านบาท) น่าจะเริ่มมี Activity น้อยลงในเดือน ธ.ค. ประกอบกับนักลงทุนสถาบันในประเทศซึ่งที่ผ่านมาเป็นผู้ซื้อสุทธิ (YTD ซื้อสุทธิไปแล้วราว1.7 แสนล้าน) น่าจะประคับประคองดัชนีไปได้ โดยเฉพาะเทศกาล LTF-RMF ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี (พ.ย.-ธ.ค. ปกติจะมี Flow ในส่วนนี้ราว 3 หมื่นล้านบาท) แต่ในช่วงดังล่าว SET Index น่าจะเผชิญกับความผันผวนบ้าง เนื่องจาก Event ต่างๆ ที่จะเกิดในช่วงถัดจากนี้ ล้วนมีนัยฯ ทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ ประเด็นสงครามการค้า สหรัฐฯ -จีน : หลังจากที่ไม่สามารถเจรจากันได้หลายเดือน ล่าสุดนาย คุดโลว์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ จะประชุมดินเนอร์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในช่วงการประชุม G20 ในอาร์เจนตินา สุดสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเปิดทางสำหรับความเป็นไปได้ที่สองประเทศจะบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยนายคุดโลว์ ยังระระบุเพิ่มเติมว่าขณะนี้ คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายกำลังเจราจากัน ก่อนการพบปะของสองผู้นำสูงสุดจะมีขึ้น การประชุมของกลุ่ม OPEC : เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานที่อยู่ในระดับสูง หลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงเดือน พ.ย. 61 ขึ้นไปแตะระดับ 11.3 ล้นบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 11.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งประเด็นนี้น่าจะค่อยๆ ได้รับการผ่อนคลาย จากการประชุมของกลุ่ม OPEC ที่จะเกิดขึ้นใน 6 ธ.ค. นี้ ซึ่งตลาดคาดหวังถึงการลดกำลังการผลิต 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะเดียวการกำลังการผลิตจากอิหร่านที่มีแนวโน้มค่อยๆ หายไปจากตลาด (ปัจจุบัน 8 ประเทศได้รับการผ่อนผัน ให้นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้) น่าจะทำให้ Downside ของราคาน้ำมันจำกัด แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ FED : ที่เดิมนั้นท่าทีของ FED จะค่อนข้างแข็งกร้าว (Hawkish) แต่ล่าสุดกรรมการ FED บางส่วนได้ออกมาให้ความเป็นในเชิงรอมชอม (Dovish) ว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันได้เข้าใกล้อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมแล้ว (Neutral Interest Rate) ซึ่งน่าจะช่วยลดแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า จึงต้องจับตาบันทึกการประชุม (FED Minutes) ที่จะเผยแพร่ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ ในภาพรวม AIRA จึงคาดการว่าภาวะดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำของไทย จะดำเนินไปได้อีกไม่นานนัก โดยมีอีกปัจจัยเร่ง คือการเร่งการลงทุนจากภาครัฐ ที่จะทำให้เกิดการความต้องการในเงินทุนจำนวนมาก และจะค่อยๆ ดึงสภาพคล่องออกไปจากระบบ (Crowding-out Effect) กลยุทธ์การลงทุน AIRA แนะนำให้ เน้น Domestic Play เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยภายนอกที่ยังมีความไม่แน่นอน ขณะเดียวกันตัวหุ้นก็มีปัจจัยเฉพาะตัวที่น่าสนใจ ครั้งนี้ AIRA นำเสนอ “TRUE” มูลค่าเหมาะสมเราประเมินไว้ที่ 8.10 บาท โดยมองว่า TRUE มาถึงจุดที่มี Scale ธุรกิจ แข่งขันได้ในระยะยาว… โดย 5-6 ปีที่ผ่านมา TRUE ได้เร่งขยายโครงข่ายและฐานลูกค้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งสำเร็จด้วยดีสะท้อนจากรายได้บริการที่เติบโตเฉลี่ย 9.4% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ต้องแลกมาด้วยต้นทุนต่างๆ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน จนมาถึงช่วงถัดจากนี้ที่เราเชื่อว่า Scale ธุรกิจมาถึงจุดที่แข่งขันได้ในระยะยาว โดยในแง่ของผลลัพธ์ของค่าใช้จ่ายทางการตลาด มีแนวโน้มมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ต้นทุนหลัก เช่นค่าใช้จ่ายโครงข่าย จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง หลังจากลงทุนหนักไปแล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปลดภาระทางบัญชีต่างๆ เสร็จสิ้นในปีนี้ แนวโน้มกำไรปีหน้าสดใส ยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” อิงมูลค่าเหมาะสมปี 62 ที่ 8.10 บาท... นอกเหนือจากรายได้ที่ยังอยู่ในโมเมนตัมบวก และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ดี เรามองว่าหลังจากปีนี้ที่ TRUE ได้ปลดภาระทางบัญชีต่างๆ เสร็จสิ้น เช่น การตั้งด้อยค่าอุปกรณ์จำนวนมาก และการตั้งสำรองคดีความบาง Case ไปใน 2Q61 ขณะที่รายการต้นทุนในการได้มาของผู้ใช้บริการ ที่ถูกตั้งขึ้นจากการให้ Handset Subsidy เป็นสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น จำนวนราว 7 พันล้านบาท เราคาดว่าจะถูกตัดจ่ายทั้งหมดใน 4Q61 ทำให้ปีหน้าจะไม่มีรายการตัดจ่ายส่วนนี้ รวมแล้วทำให้แนวโน้มกำไรปีหน้าสดใส (เรายังคงคาดกำไรในปีหน้าราว 2 พันล้านบาท) ยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” อิงมูลค่าเหมาะสมปี 62 เดิมที่เราประเมินไว้ที่ 8.10 บาท (อิง EV/EBITDA 9x)
แสดงเพิ่ม