จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส
ผลงานกลุ่มแบงก์ Q1 ไม่มี “เซอร์ไพรส์”
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาสแรก ปี 2562 เป็นโอกาสที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อหุ้นต่างๆ หากตัวเลขออกมาผิดไปจากการคาดการณ์
คุณจิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มีมุมมองต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่เป็นกลุ่มแรกที่ประกาศงบออกมาเรียบร้อยแล้ว คุณจิตราบอกว่ากลุ่มธนาคารในงวดไตรมาสนี้ พบรายการพิเศษอยู่ 2 รายการหลักๆ คือ จากธนาคารกรุงศรี (BAY) ที่มีกำไรจากการขายเงินลงทุน และจากธนาคารส่วนใหญ่ที่ในไตรมาสนี้มีการตั้งสำรองค่าใช้จ่าย Employee Benefit ตามกฎหมายที่ปรับปรุงใหม่ ในส่วนของพนักงานที่อายุงานมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป ต้องตั้งสำรองฯ โดยปรับจาก 300 วัน เป็น 400 วัน ซึ่งค่าใช้จ่ายพิเศษนี้ เป็นส่วนตัวเลขทางบัญชี
ถ้าตัดรายการพิเศษออกไป ดูเฉพาะผลการดำเนินงานปกติ พบว่ากำไรปรับลดลงเล็กน้อย ประมาณ 2-3% เทียบกับปีที่ผ่านมา แต่หากเทียบไตรมาสแรก กับสิ้นปีที่แล้ว พบว่ากำไรฟื้นตัวขึ้นมา 10% แต่ก็เป็นเรื่องปกติจากผลทางฤดูกาลที่กลุ่มธนาคารมักจะมีผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปี เป็นไตรมาสที่แย่ที่สุด
โดยสรุป ผลประกอบการกลุ่มแบงก์ ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของตลาด คุณจิตราบอกว่ารายละเอียดข้างในยังไม่มีอะไรตื่นเต้น เพราะช่วงต้นปียังไม่ใช่ฤดูกาลปล่อยสินเชื่อ ประกอบกับภาพธุรกิจในปีนี้ยังดูเงียบ สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียม ในปีที่ผ่านมาเริ่มเข้าสู่ Mobile Banking ซึ่งจะเห็นว่าค่าธรรมเนียมหดหายไป และเทรนด์ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ยังไม่สามารถเอารายได้ในส่วนอื่นๆ มาชดเชยได้ทั้งหมด
งบแบงก์ในไตรมาสแรกดูไม่ค่อยตื่นเต้น ออกแนวประคองตัว
คุณจิตราบอกว่ายังรอความหวังทางการเมือง หากเกิดเสถียรภาพ จัดตั้งรัฐบาลได้ การเมืองและเศรษฐกิจไม่มีภาวะสุญญากาศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะเดินหน้า เกิดโครงการ เกิดสินเชื่อใหม่ ซึ่งถึงตอนนั้น หุ้นธนาคารจึงจะดี แต่อาจจะต้องรอลุ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ อย่าง SCB ถึงแม้ว่า กำไรจะออกมาดีกว่าคาดการณ์ แต่ทางฟินันเซีย ไซรัส มองว่า
ยังไม่น่าตื่นเต้น เพราะหากมองภาพทั้งปี SCB ถือว่าเป็นผู้นำในการทุ่มเม็ดเงินลงทุนทำ Digital Transformation
ทาง ฟินันเซีย ไซรัส มองราคาที่เหมาะสม 137 บาท เท่านั้น (Upside ไม่ได้สูงมาก)
ส่วนภาพรวม ผลงานที่น่าจะออกมาดูน่าสนใจ ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มบริโภค และภาคบริการ เช่น กลุ่มค้าปลีก ด้วยอัตราส่วน Same Store Sale มียอดการเติบโตที่ดี ทำให้กำไรในไตรมาสแรกของกลุ่มนี้ดีขึ้น
อีกกลุ่มที่น่าจับตา คือ กลุ่มโรงพยาบาล และโรงแรม โดยกำไรของกลุ่มโรงพยาบาลเติบโตโดดเด่น ตามดีมานด์
ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว แม้อาจจะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าเร็วๆ นี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ น่าจะพอช่วยหนุนได้
ส่งท้ายด้วยกลุ่มไฟแนนซ์ ที่ยังมีความต้องการสินเชื่อรายย่อยในตลาดต่างจังหวัด
หุ้นเด่น
จากการประเมินว่าตลาดหุ้นน่าจะพักฐาน แกว่งฐานออกข้างๆ จึงแนะว่าต้องเน้นเล่นเป็นรายตัว
โดยหุ้นเด่น อาทิเช่น XO หรือ บมจ. เอ็กโซติค ฟู้ด เพราะคาดการณ์กำไรในไตรมาสแรก จะเป็นหุ้นที่น่าสนใจมาก จากสินค้าจำหน่ายซอส ที่ส่งไปยังตลาดหลักอย่างยุโรป และต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำในรอบ 10 ปี ทำให้กำไรดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสแรก ทาง ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 14 บาทต่อหุ้น
แสดงเพิ่ม
