และแล้วในศึกแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ ลุงตู่ผู้ปวารณาขอเป็นคนใหม่ ไม่สามารถทำได้ตามหวังและตั้งใจ ต้องมาปรี๊ดแตก เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เลาะตะเข็บคุณสมบัตินายกฯ จนลุงตู่ออกมาประกาศตัดพี่ตัดน้องกันเลยทีเดียว ตามมาด้วยประท้วงกันวุ่นวาย จนประธานสภาต้องเชิญ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากห้องประชุมไป สร้างความฮือฮากันเป็นอย่างยิ่ง
และในช่วงไทม์มิ่งนี้เอง ให้บังเอิญไปบรรจบกับ วันครบรอบวันเกิดของนายใหญ่ ในวัย 70 ปี ในวันที่ 26 กรกฎาคม นี้พอดิบพอดี ซึ่งหลังจากครั้งล่าสุดที่ เขาโพสต์ IG ไม่จัดงานวันเกิดในปีนี้ พร้อมๆ กับข่าวที่ปล่อยผ่านคนใกล้ชิด ว่า จะวางมือทางการเมือง จะหยุดเคลื่อนไหวแล้ว ทำให้เกิดการวิเคราะห์สถานการณ์ไปหลายมุม ทั้งเหนื่อยอ่อนจึงคิดยอมแพ้แล้วจริงๆ หรือจะเป็นการแกล้งตาย เพื่อรอวันลุกขึ้นมาขย้ำเหยื่ออีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องยอมรับว่า ชื่อของทักษิณ ยังเป็นสินค้าบนหิ้ง ที่ขายได้ ด้วยความเก่งกาจในเรื่องการค้าขาย การเป็นคนรวยที่เข้าใจปัญหาของชาวรากหญ้า เจ้าโปรเจค์ต่างๆ ทำให้ทุกครั้งที่บ้านเมืองกำลังบอบช้ำกับสภาวะเศรษฐกิจที่รุมเร้า เงินในกระเป๋าชาวบ้านเบาบางเหมือนขนนก หนี้สินงอกเงยผุดพรายยังกับดอกเห็ด สภาพการณ์เช่นนี้ คนมักจะคิดถึงทักษิณแทบทุกที
และให้เหมาะเจาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ ของลุงตู่ภาค 2 ที่ทุกโพล ทุกสำนัก เทความเห็นส่วนใหญ่ของประชาชนไปในทางอยากให้รัฐบาลแก้ไขในเรื่องเศรษฐกิจ พืชผลเกษตรตกต่ำ แก้ปัญหาปากท้อง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นั่นเหมือนกับสะท้อนผลงานด้านเศรษฐกิจ 5 ปีที่ผ่านมาของลุงตู่ ประสบความสำเร็จหรือไม่ คงไม่ต้องบอก ก็คงรู้กันดีอยู่แล้ว
เมื่อย้อนไปดูผลงานทักษิณ เขาสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทย บริหารประเทศครบ 4 ปี แต่มาสะดุดปัญหามากมายจนพ่ายให้กับกระบอกปืนถูกยึดอำนาจในปี 2549 หลังจากนั้นแม้จะได้ชัยชนะเล็กๆ ผ่านการส่ง นายสมัคร สุนทรเวช ต่อด้วย น้องเขย-สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และน้องสาวตนเอง เข้ามาเป็นผู้นำประเทศในช่วงสั้นๆ แต่ก็ยังไม่สามารถผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ให้เขาสามารถกลับแผ่นดินเกิดได้โดยไม่ต้องติดคุก
ซึ่งตลอด 13 ปี นับจากรัฐประหาร 2549 ชื่อของทักษิณยังคงวนเวียน ปกคลุม และแทรกซึม ไปยังทุกบริบทของการเมืองไทย ทั้งตัวบุคคล และชุดความคิด หรือนโยบายต่างๆ ซึ่งถ้าสังเกตว่า รัฐมนตรีในรัฐบาลลุงตู่นั้น มีคนที่เคยทำงานกับทักษิณมาก่อนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, วิษณุ เครืองาม, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สมศักดิ์ เทพสุทิน, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และอีกหลายต่อหลายคน
ส่วนนโยบายประชารัฐ ที่พูดกันจนเบื่อนั้น มีรากเหง้ามาจาก โครงการประชานิยมจากมันสมองทักษิณ เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้าน, โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค, โครงการพักชำระหนี้เกษตรกร, โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งต่อมาบางโครงการกลายเป็นหอกย้อนศร ทำลูกน้องทักษิณต้องคดีกันไปหลายคน
อย่างไรก็ตาม 13 ปีที่ผ่านมา คำถามคือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ได้ก้าวข้ามทักษิณไปแล้วหรือยัง หรือจะยังปล่อยให้หลอกหลอนไปอย่างนี้ชั่วกัปชั่วกัลป์ !!
https://www.innnews.co.th/special-report/features-special-report/news_450218/
แสดงเพิ่ม
