เราคงได้เห็น บริษัทอย่าง Facebook ที่เป็นผู้นำในการออกคริปโตในรูปของ Libra ซึ่งแม้ว่าเส้นทางอาจจะดูสะดุด
หลังจากระดับสภาสหรัฐ ตั้งคำถามมากมาย ก็เพราะ โอกาสความเป็นไปได้ของ Libra มีจริง !! .... เปิดบทสนทนากับ กรณ์ จาติกวณิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ที่แวดวงเทคโนโลยี ฟินเทค รู้จักเป็นอย่างดี
คริปโตในยุคแรก อย่าง บิตคอยน์ มีความหวือหวา ผันผวนมากในแง่ของราคา ทำให้หลายๆ คนยังไม่แน่ใจ ไม่กล้าที่จะถือเป็นเงิน
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีปัญหาเรื่องระบบความปลอดภัยในการเก็บ ถูกแฮกจากบัญชี (Wallet)
" J.P.Morgan เคยออกมาพูดว่าบิตคอยน์ ที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด กว่า30% เคยถูกแฮกมาแล้ว"
นับเป็นสัดส่วนที่เยอะ และนี่คือ สาเหตุที่คริปโตยุคแรก ยังไม่สามารถมาทดแทนเงินปกติ ที่เราใช้จ่ายกัน
ซึ่งเมื่อ Facebook เปิดตัวมา ก็เริ่มเป็นการตั้งคำถามเป็นครั้งแรก ว่า..หรือนี่พลิกประวัติศาสตร์ที่ คริปโต นำมาใช้แทนเงินได้จริง?
เพราะด้วย ฐานผู้ใช้เยอะมากกว่า 2 พันล้านคน แถมด้วยยอดธุรกรรมที่ผ่าน Social Media จำนวนมาก
แนวโน้มที่จะประสบความเร็จสูง บวกกับเครือข่ายพันธมิตร ที่เป็น บริษัทเทคชั้นนำ กว่า 20 บริษัท แต่..ก็มีปัญหาเช่นกัน
คือ ประเด็นทางกฎหมาย ที่ล่าสุด สภาของสหรัฐก็ตั้งคำถาม ในเชิงไม่ไว้วางใจ Facebook ว่าจะบริหาร โดยที่จะไม่มีผลกระทบเชิงลบต่อประชาชน และระบบการเงินของโลก เพราะ ที่ผ่านมา Facebook มีประเด็นอื้อฉาวล้ำเส้นด้านการจัดการข้อมูล
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น คุณ กรณ์ ที่คร่ำหวอดในแวดวงนี้ ก็สนับสนุนความเป็นกังวลของฝ่ายการเมืองในสหรัฐมีต่อ สกุลเงิน Libra ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุผลว่า สกุลเงิน ที่ไม่มีการกำกับดูแลโดยภาครัฐ ควรต้องรอบคอบ.. ช้า ไว้ก่อน ดีกว่า
อนาคตที่จะเห็นเงินคริปโตเหล่านี้ มาทดแทนเงิน (ที่เราใช้อยู่) เรื่องจริง หรือ แค่ฝัน?
คุณ กรณ์ ย้ำว่า "ยังไม่เชื่อ ว่า เงินคริปโต จะมาแทนเงินได้ มองเป็นเพียงสินทรัพย์ชนิดหนึ่ง เหมือน ทอง รูปภาพ
แม้ว่าส่วนตัว ผมจะลงทุนใน ICO บ้าง แต่ผมไม่เคยซื้อ บิตคอยน์ เพื่อการลงทุน เพราะผมไม่ไว้ใจกระบวนการจัดเก็บ
ไม่มีกลไกทางกฎหมายที่คุ้มครอง"
นอกจากการใช้ยังไม่สะดวก ดังนั้น ความจำเป็นในการใช้ คริปโต ที่ราคาผันผวนสูง มีความเสี่ยงในการถูกแฮก เทียบกับสกุลเงินปกติ
ส่วนถ้าหันมามองหน่วยงานภาครัฐของไทย ก็เรียกว่า Active กับเรื่องนี้ อย่าง ก.ล.ต. ก็เป็นหนึ่งในฝ่ายกำกับตลาดทุน ถือว่าเป็นเบอร์
แรกๆ ของโลก ที่ได้ออกกฎหมายกำกับเรื่องคริปโต
"คริปโต จะถูกใช้บนโลกของผู้ที่รับความเสี่ยงได้ หรือ ใครที่ทำธุรกิจสีเทา .." กรณ์ ให้ความเห็น
ส่วนโอกาสของฟินเทคในประเทศไทย นั้น คุณกรณ์ ยังเชื่อมั่นว่า ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแส มาไว ไปไวเพราะทุก Startup จะเกิดได้ ต้องมา
จาก Painpoint (ความเจ็บปวดของประชาชนผู้ใช้บริการ) แน่นอน ว่าเมืองไทย มีเรื่องเหล่านี้ แน่นอน
อย่าง SMEs ที่ไม่สามารถกู้เงินผ่านระบบธนาคารได้ เพราะเครดิตไม่ผ่าน เหล่านี้ ฟินเทคจะมาช่วยตอบโจทย์ได้ .. แต่คำถาม ที่ยังต้องเฝ้ารอคำตอบ คือ จะเป็น Startup หน้าใหม่ หรือ ธนาคารแบบเดิมๆ ที่จะเป็นคนที่หันมาให้บริการฟินเทค
ภาครัฐ ไทย พูดเยอะ แต่ทำน้อย กระทรวงหลักๆ กลับไม่ได้รับมอบหมายที่ชัดเจน
GovTech คำที่กรณ์ จาติกวณิช อยากให้เกิด โดยใช้เทคโนโลยี มาช่วยแก้ปัญหาของภาครัฐ ที่ระบบราชการดูจะแก้ไขไม่ได้ แต่เทคโนโลยีอาจจะช่วยได้
คนไทยมีความพร้อมในการใช้เทคโนโลยี สาเหตุส่วนหนึ่ง อาจจะเพราะมาตรฐานการให้บริการต่างๆ แบบเดิมๆ ไม่ตอบโจทย์ เมื่อมีช่องทางที่ดีกว่า เร็วกว่า มีความพร้อมที่จะลอง ... คำพูดทิ้งท้าย ของ กรณ์ จาติกวณิช
แสดงเพิ่ม
