เบนจามิน แฟรงคลิน เคยกล่าวไว้ว่า “ในโลกนี้เราอาจจะหลบเลี่ยงอะไรก็ได้ยกเว้น ความตายและภาษี”
เรามาดูกันว่า ภาพรวมของการจัดเก็บกระเป๋าสตางค์ของประเทศ ที่เริ่มตามปีงบประมาณ 2562 (ตุลาคม 2561 - กันยายน 2562)
โดยมีเป้าหมายการจัดเก็บอยูที่ 2 ล้านล้านบาท (ที่ผ่านมา 10 เดือน ทำผลงานได้ 1.6 ล้านล้านบาท) ทำให้ทางกรมสรรพากร
มั่นใจว่าจะจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
โดยรายได้จาก "ภาษีน้ำมัน" และ "ภาษีนิติบุคคล" เป็นรายได้หลักของกรมสรรพากร และ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ
ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วย เป็นแรงส่งให้ถึงเป้าหมาย ...แต่ปีหน้า อาจจะต้องลุ้นแบบเหนื่อยๆ ความเห็นจากทางคุณ ปิ่นสาย สุรัสวดี โฆษกกรมสรรพากร
เพราะการจัดเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าหมายนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตามกระแส Globalisation
เมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย สงครามการค้า และการแข็งค่าของเงินบาท ที่ปัจจัยเหล่านี้ จะไปสะท้อนสู่ผลงานในปี 2563
ขณะที่เทรนด์ดอกเบี้ยต่ำนั้น ก็มีผลต่อรายได้ภาษีเช่นกัน เพราะจะกระทบรายได้จากดอกเบี้ยเงินปันผล ซึ่งเมื่อดอกเบี้ยต่ำ รายได้ที่จัดเก็บคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ปรับลดลงตามไปด้วย
โฆษกกรมสรรพากร ชี้แจง ประเด็นที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่า การจัดเก็บภาษีได้มาจากการตรวจสอบ ... จริงๆ แล้ว การเรียกตรวจสอบส่วนใหญจะได้แต่ยอดหนี้ ที่ต้องไปฟ้องร้องกันต่อ ..หลักของสรรพากร คือ "ทำอย่างไรให้ผู้เสียภาษีสมัครใจ" ที่นำไปสู่เรื่องความรู้ และบริการ
นอกจากนี้ ปีนี้ เรื่อง IT เป็นหัวใจในการมุ่งพัฒนาปรับปรุงกับการจัดเก็บภาษีของสรรพากร แบ่งเป็น 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ
Digital Transformation คือ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บให้อยู่ในธุรกรรมออนไลน์ อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด จากต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ โดยมีแผนว่า ใน 3 ปี ธุรกรรมทั้งหมดอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งคำร้อง คำขอ และแบบแสดงรายการต่างๆ
Data Analytics
ด้วยการนำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ หาบริการที่ดีให้กับผู้เสียภาษี
การปรับตัวให้กรมสรรพากรเป็นกรมภาษีดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทั้งการอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียภาษี และเป็นการลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้การจัดเก็บภาษีเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ได้ประโยชน์ทั้ง ความถูกต้อง แม่นยำ และประหยัดเวลา สำหรับผู้เสียภาษี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1161
www.rd.go.th
แสดงเพิ่ม
